รายงาน...ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
หลังเสียงระเบิดสะท้านสะเทือนใน ห้างลี การ์เดนส์ พลาซ่า ซึ่งเป็นธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรมหรูกลางเมือง ที่เชื่อมโยงกับเหตุคาร์บอมบ์ และ จยย.บอมบ์ในเมืองยะลา และปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 14 ราย และบาดเจ็บกว่า 500 คน ในวันเสาร์วิปโยคที่ 31 มีนาคม เป็นวันเดียวกันที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกฯ หญิงคนแรกยิ้มระรื่นกับการเปิดงานโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าในชุดสวย และปฎิเสธที่จะลงพื้นที่โดยอ้างต้องมีการแบ่งกำลังมาดูแลความปลอดภัยตนเอง ปล่อยให้ฝ่ายค้าน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” รุดหน้าเยี่ยมและฉะความแล้งน้ำใจนายกฯ หญิง
จนนาทีสุดท้ายชิ่งหนีประชุม ครม. บินลงมาดูจุดเกิดเหตุที่ห้างลี การ์เดนส์ ก็เป็นเพียงทนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่ไหว จึงแก้เกี้ยวที่ต้องเดินทางไปประเทศกัมพูชาอีกหลายวันนั่นเอง!!
กว่า 3 ปีที่เมืองหาดใหญ่จะเรียกคืนความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ฟื้นธุรกิจให้กลับมาคึกคักเหมือนเดิมได้ ต้องยอมรับถึงเลือดนักสู้ของผู้ประกอบการในพื้นที่ เพราะที่นี่ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคฝ่ายรัฐบาล นับตั้งแต่ปฐมบทไฟใต้ปะทุขึ้น
จากวาทะกรรม “โจรกระจอก” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 9 ปีที่ผ่านมา อ.หาดใหญ่ เคยตกเป็นเป้าหมายก่อวินาศกรรมมาแล้ว 4 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นวันที่ 3 เม.ย.48 ระเบิดสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ถัดมาวันที่ 16 กันยายน 2549 ระเบิดซ้ำศูนย์การค้าใน อ.หาดใหญ่ 6 จุด, วันที่ 27 พฤษภาคม 2550 ระเบิดย่านการค้าสถานบันเทิงในเมืองหาดใหญ่ 7 จุด และระเบิดป่วนเมืองอีกเป็นระลอกที่ 4 เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2551
วิกฤตในครานั้น ทำให้จนธุรกิจด้านท่องเที่ยวเจ๊งระนาว ประกาศขายโรงแรมหลายแห่ง แต่ก็มีการ “ล้อมคอก” เอาไว้ และตกม้าตายเพราะความหละหลวมในมาตรการ และการไม่ยอมรับความจริงว่ารัฐไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ทำให้ความเสียหายครั้งนี้ภาคเอกชนประเมินไว้สูงถึง 1,000 ล้านบาท และบรรยากาศของเมืองหาดใหญ่จะซบเซาไปอีก 3 เดือนเลยทีเดียว
ซึ่งในวันเกิดเหตุนั้น ถือว่าเป็นอีกวันหนึ่งที่มีผู้ใช้บริการห้างลีการ์เดนส์ พลาซ่า มากกว่าปกติ ทั้งในส่วนของห้าง และในส่วนของโรงแรม เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดที่มีนักท่องเที่ยวมาเลเซีย สิงคโปร์ เข้ามาใช้บริการ และกลุ่มวัยรุ่นที่นิยมใช้ห้างเป็นที่พบปะพักผ่อนในช่วงปิดเทอม
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรม “คริสตัล ตามล่าหาน้องแก๊งใหม่ร้ายบริสุทธิ์” เพื่อแคสติ้งตัวนักแสดงหน้าใหม่ทางช่อง 3 ซึ่ง “หน่อง-อรุโณชา ภานุพันธ์” ผู้จัดละครค่ายบรอดคาซท์ เทเลวิชั่น นำนักแสดงในสังกัด เช่น “แจค-จักรพันธ์ จันโอ”, “โบ-โชติมา นวคุณากร” มาร่วมงาน ท่ามกลางกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงที่ใฝ่ฝันลิ้มรสวงการบันเทิงมาร่วมงานนับร้อยคน ร่วมหนีตาย เช่นเดียวกับนักร้องลูกทุ่ง 2 พี่น้อง “กระแต-กะต่าย” จากค่ายอาร์สยาม ซึ่งพักอยู่บนโรงแรมดังกล่าว
นับว่าเป็นการตบหน้าฉาดใหญ่หน่วยงานด้านความมั่นคงที่มั่นใจว่า สถานการณ์ความรุนแรงลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งชะล่าใจว่า สถานที่พลุกพล่านใจกลางเมืองแห่งนี้มีระดับความปลอดภัยสูง ภาครัฐ และเอกชนจัดงานเลี้ยง ประชุมสัมมนาอย่างต่อเนื่อง
เพราะห้าง และโรงแรมในหาดใหญ่มีทั้งมาตรการดูแลความปลอดภัยมาโดยตลอด ทั้งการตรวจสอบพาหนะเข้า-ออก การติดตั้งกล้องวงจรปิด หรือแม้แต่การส่งกำลังเจ้าหน้าที่ประจำประตู เหมือนเป็นการ X-Ray อีกชั้นหนึ่ง รวมถึงเครือข่ายวิทยุเครื่องแดงที่มี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ดำเนินการมาจนครอบคลุมพื้นที่เมืองหาดใหญ่แล้ว
แม้แต่ ดร.ไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ก็ไม่เชื่อว่าหาดใหญ่จะถูกวางระเบิดซ้ำ ถึงกับโบ้ยเสียงแข็งในขณะกำลังเดินทางกลับจากกรุงเทพฯว่า สาเหตุเกิดจากท่อแก๊สระเบิด ร้อนถึง บริษัท แมคไทย จำกัด ยืนยันว่าทางร้านแมคโดนัลด์ที่เป็นแพะแก๊สระเบิดนั้นใช้ระบบไฟฟ้าทั้งสิ้น ตามด้วย นายวันชัย ลีละศิธร เจ้าของโรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า ที่ขานรับว่า ร้านอาหารในห้างล้วนใช้ระบบไฟฟ้าทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าในส่วนของห้างลีการ์เดนส์ พลาซ่านั้น แม้จะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยภายนอกมาต่อเนื่อง แต่ความเข้มข้นนั้นลดลง โดยเฉพาะการตรวจค้นรถยนต์ ทำให้คนร้ายขับรถยนต์ซุกถังแก๊ส 15 กก. จอดที่ชั้น B3 ศูนย์การค้า ลี การ์เดนส์ โดยไม่ได้รับหางบัตรเข้าจอด ซึ่งเกิดจากการเผอเรอของเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้เข้มงวดตรวจสอบรถยนต์เหมือนอีกหลายๆ คัน
กอปรกับความล้มเหลวในแผนการรับมือเหตุร้ายภายในตัวอาคาร ทำให้ผู้ใช้บริการเกือบเอาหลายร้อยชีวิตไปทิ้ง เพราะหลังเกิดระเบิ ดและไฟไหม้ ห้างถูกปกคลุมด้วยความมืด หมอกควัน และเปลวเพลิงนั้น ระบบดับเพลิงภายในกลับไม่ทำงาน มิหนำซ้ำบางจุดไม่เห็นป้ายทางหนีไฟ และเมื่อคลำทางไปเจอประตูกลับถูกกุญแจล็อกถึง 2 ชั้น จนต้องทุบกระจกช่องแสงกระโดดหนีตายออกจากตึก ซึ่งกว่าที่ความช่วยเหลือจากภายนอกจะระดมกระเช้ามารับผู้ประสบภัยได้กินเวลากว่า 1 ชั่วโมง
ขณะที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่งคง แม้ยังไม่ยอมรับว่าเป็นเหตุการณ์ “คาร์บอมบ์” ที่เชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้หรือไม่ และโยนให้แม่ทัพภาค 4 เป็นผู้ชี้แจง ก่อนออกตัวว่าเป็นฝีมือของกลุ่มที่ต้องการดิสเครดิตรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ซึ่งงานนี้หลายคนตั้งข้อสังเกตถึงความล้มเหลวการทำงานของ “หน่วยการข่าวความมั่นคง” ว่าไม่มีประสิทธิภาพในการแจ้งเตือน ทั้งในกลุ่มหัวหน้าส่วนราชการ หรือภาคเอกชนในพื้นที่ได้เตรียมตัว ทั้งที่แต่ละปีได้รับงบลับอุดหนุนเป็นพันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้วิกฤตครั้งนี้จะทำให้เศรษฐกิจของเมืองหาดใหญ่ถดถอยอีกครั้ง เชื่อว่าจากประสบการณ์ และความเป็นเลือดนักสู้ซึ่งผ่านมาทั้งน้ำท่วมครั้งใหญ่ และระเบิดก่อการร้าย แต่พ่อค้า ประชาชน ร่วมลุกขึ้นมาต่อสู้ผ่านมาได้ทุกครั้ง เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่เชื่อว่า ความสามัคคี และพึ่งแห่งตนเองตามวิสัยของคนปักษ์ใต้เท่านั้น ที่จะมีความยั่งยืนกว่าการเยียวยาใดๆ