หลังจาก “ASTVผู้จัดการออนไลน์ภาคใต้” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “น้องยูมิ ปทิดา จันทรภาโส” สาวน้อยน่ารักจากตำแหน่งยูทิป เมจิค โหวตจากเวทียูทิป เฟรชชี ไอดอล 2011 ซึ่งกำลังจะมาชิมลางงานพิธีกรเป็นครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์หาดใหญ่ 2012 คู่กับ “ปลื้ม-สุรบถ หลีกภัย” 5-8 เม.ย.นี้ ตามข่าว ... หนีร้อนไปเจอ “ยูมิ” ในงาน “หาดใหญ่มอเตอร์โชว์ 2012” ...
แต่บ่ายวันที่ 31 มีนาคม กลับเป็นวันวิปโยคของเมืองหาดใหญ่ และเกือบดับฝันสาวแรกรุ่นที่หวังก้าวสู่วงการบันเทิง เพราะเหตุคาร์บอมบ์ภายในห้างลีการ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำให้ครอบครัว “จันทรภาโส” ต้องกลายเป็นผู้ประสบภัย โดย “น้องยูมิ” และ “คุณแม่ชัญญา” อาการหนักต้องรักษาตัวในห้องไอซียู โรงพยาบาลราษฎร์ยินดี โดยเหตุการณ์เฉียดตายครั้งนี้ คุณพ่อสาโรจน์ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษหลังผ่านเหตุเฉียดตายครั้งนี้ขณะที่ยังสวมชุดผู้ป่วยเลยทีเดียว
ช่วยเล่าเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ผมพาน้องยูมิไปไปร่วมโครงการเฟ้นหานักแสดงหน้าใหม่ ละครเรื่องน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ช่อง 3 โดยได้คิวในช่วงบ่าย ซึ่งทั้งคุณแม่และ “น้องจีอุน” ด.ญ.ภอุน บุตรสาวคนเล็กอายุ 7 ขวบ ก็ไปร่วมให้กำลังใจ โดยมีผู้จัด “หน่อง-อรุโณชา ภานุพันธ์” เดินทางมาร่วมงานพร้อมด้วยนักแสดง และก่อนเกิดเหตุระเบิดเพียงไม่นานคุณหน่องได้พักรับประทานอาหารภายนอก จึงรอดปลอดภัยอย่างหวุดหวิด
ส่วนผมก็คิดว่าจะพาครอบครัวไปทานข้าวก่อนเหมือนกัน เพราะเที่ยงพอดี แต่ระหว่างทางแวะที่เคาน์เตอร์ดีแทค จนเกิดระเบิดขึ้นมาเสียก่อน รู้สึกถึงแรงอัดมหาศาลมาจากช่องบันไดเลื่อนระหว่างชั้น 3-4 จนตึกทั้งหลังสั่นสะเทือน ตามมาด้วยเพลิงไหม้และควันเป็นจำนวนมาก และความตกใจโกลาหลของผู้ที่อยู่ภายในตัวอาคารที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะปกติวันหยุดห้างก็เต็มอยู่แล้ว แต่นี่ปิดเทอมและมีกิจกรรมของช่อง 3 ด้วย เด็กก็เลยเยอะ แต่ละคนต่างวิ่งหาทางออกจากตึกอย่างอลหม่าน แต่ก็ไม่สามารถออกจากตัวอาคารทางประตูหนีไฟซึ่งถูกปิดตายได้ ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถหนีขึ้นชั้นบนได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันปกคลุมอยู่เป็นจำนวนมาก
ได้ยินเสียงระเบิดครั้งแรกเป็นอย่างไร
ตอนได้ยินตูม ผมไม่นึกว่าจะเป็นไฟไหม้เลย จึงถอยไปด้านหลัง และพยายามวิ่งไปข้างบนแต่ควันมาหนาแน่นมาก ก็คิดว่าไม่รอดแน่ ส่วนสปริงเกอร์ฉีดน้ำเพดานภายในห้างก็ไม่ทำงาน ผมพยายามที่จะเซฟพลังงานของตัวเองให้มากที่สุด ไม่ตื่นเต้น หายใจเบาๆ เพื่อจะไม่ได้สูดรับควันไฟเข้าปอดมาก แม้โทรศัพท์เข้ามาก็ไม่รับสาย กลัวคนทราบข่าวจะตกใจแล้วโทร.มาถามซ้ำๆ เป็นอยู่อย่างนี้นานกว่าชั่วโมง จนคนที่ติดอยู่ค่อยๆ แผ่วไปทีละคน
ตอนนั้นมีพนักงานดีแทคที่คอยช่วยให้กำลังใจให้คิดว่ายังไงก็ต้องรอด แต่ผมก็อดทนและทำใจแล้ว เพราะสถานการณ์ตอนนั้นมันแย่มาก
ปกติแล้วในอาคารขนาดใหญ่จะมีระบบป้องกันอัคคีภัย และมีการซ้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน แล้วครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น
ตลอดเวลาที่ติดภายในตัวอาคารท่ามกลางความมืดนั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่ของห้างหรือแผนการช่วยเหลือฉุกเฉินใดๆ ทั้งสิ้นครับ ผู้ประสบเหตุต้องช่วยกันเพียงทุบกระจกช่องระบายอากาศเพื่อจะหนีออกไป แต่ก็ทำให้อากาศจากภายนอกที่เย็นกว่าพัดอัดควันภายในตัวอาคารให้ฟุ้งกระจายลอยจากชั้นล่างขึ้นชั้นบนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ก็แย่ยิ่งขึ้น พยายามที่จะช่วยตัวเองให้รอดชีวิต ทั้งถอดเสื้ออุดจมูกป้องกันเขม่า คนที่มีน้ำก็ชุบผ้าแล้วแบ่งๆ กัน
ระหว่างที่รอการช่วยเหลือนั้น ผู้ประสบภัยบางคนไม่สามารถทนสูดควันพิษต่อไปได้ ถึงกับตัดสินใจหนีตายเอาดาบหน้าปีนออกมาจากตัวอาคารกระโดดตึก ทั้งที่ไม่มีเบาะลมมาช่วยเหลือ ส่วนผู้ที่ยังอดทนอยู่ได้ภายหลังนั้นได้ออกจากอาคารโดยรถกระเช้ารับของการไฟฟ้า และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยเหลือนำทางออกจากเปลวเพลิงและควันไฟ
ในขณะที่เจ้าของสถานที่นั้นซึ่งรู้แผนผังอาคารดีที่สุดกลับไม่มีเจ้าหน้าที่ออกมาแม้แต่คนเดียว ทั้งระบบดับเพลิง ประตูหนีไฟก็ไม่สามารถใช้ได้จริง จึงต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากภายนอกเป็นหลัก และทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มขึ้น
จนผมคิดว่าเฮือกสุดท้ายทุกคนนับถอยหลังอยู่ได้อีกไม่เกิน 10 นาทีแล้ว แต่โชคดีที่มีนักผจญเพลิงเข้ามาช่วยเหลือโดยใช้ชะแลงงัดประตูหนีไฟ และคนที่ยังพอมีกำลังก็ช่วยกันง้างนำผู้ประสบภัยช่วยนำขึ้นกระเช้าออกจากตัวอาคาร ส่วนผมและภรรยาออกมาได้ประมาณ 14.30 น.
ตอนนี้อาการทุกคนเป็นอย่างไรบ้างคะ
ผมสูดดมเขม่าควันจากเหตุครั้งนี้ยิ่งกว่าสูบบุหรี่เยอะๆ เสียอีก แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก นอกจากอาการหายใจเหนื่อยติดขัด และระคายเคืองตา แพทย์อนุญาตให้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ แต่ก็ยังไม่ได้ไปไหน เพราะยังเป็นห่วงน้องยูมิและคุณแม่ (ภรรยา) ที่ต้องดูอาการอย่างใกล้ชิด
สำหรับอาการของน้องยูมินั้นมีปัญหาเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วอาการจึงน่าเป็นห่วง แต่ก็ต้องให้กำลังใจจากเหตุร้ายและทรมานจากการต้องใส่ท่อทางปากตลอดเวลา และขณะนี้รักษาตัวพร้อมกับคุณแม่โดยแพทย์ยังคงให้การรักษาและสังเกตอาการหลังจากหลอดลมเบิร์น เนื่องจากทั้งคู่สูดเขม่าควันเข้าปอดเป็นเวลานานจำนวนมาก
แต่คนเล็ก “น้องจีอุน” อาการปลอดภัยดี ตอนนี้วิ่งปร๋อได้เลย เขาเข้มแข็งกว่าที่คิด ตอนอยู่ในตึกเขาไม่ตกใจเลย ขอให้พ่อบอกว่าต้องทำอะไรเขาก็จะทำตามโดยมีไม่ตระหนกตกใจ
ตอนนี้เลยต้องให้น้องรักษาตัวให้หายดีก่อนโดยไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น
ใช่ครับ หลังจากที่ยูมิผ่านเวทีประกวดได้รางวัลจากกรุงเทพฯ กลับมาก็ให้ไปเรียนหนังสือ กวดวิชา เพื่อเตรียมเข้า ม.6 เพราะเขาสนใจที่จะเรียนต่อด้านนิเทศศาสตร์ และถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้เขาก็มีงานพิธีกรซึ่งรับไว้ล่วงหน้า เป็นกิจกรรมที่เขาสนใจและอยากหาประสบการณ์ มีความฝันเหมือนวัยรุ่นทั่วๆ ไป
ถามถึงน้องธนพล แซ่โซว พี่บุญธรรมของน้องยูมิซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีท่งเซียเซี่ยงตึ๊งบ้างว่า ตอนเกิดเหตุการณ์เป็นอย่างไร
ก่อนเกิดเหตุผมออกจากในห้างเพราะรู้สึกว่าแอร์มันไม่เย็น แล้วมายืนพักสูบบุหรี่บริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดิน โดยสิ้นเสียงระเบิดนั้นเห็นสภาพของร้านชาบูชิบริเวณชั้น 1 เสียหายยับเยิน เพลิงไหม้ ก็ได้พยายามเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยก่อน โดยพาออกมาที่หลังห้าง แล้วเข้าไปหายูมิ จนกระทั่งส่งขึ้นรถกระเช้าออกมาจากตัวอาคารส่งตัวมายังโรงพยาบาลในเวลาประมาณ 15.33 น. พร้อมๆ กับคุณแม่ของน้อง ส่วนเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งซึ่งมาร่วมให้กำลังใจนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บ
โชคดีที่ตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บ แล้วให้กำลังใจน้องยูมิอย่างไรบ้าง
ตอนนั้นก็พูดกับน้องว่าให้มีสติ มีกำลังใจและสู้ๆ บอกว่าทุกคนปลอดภัยหมดแล้ว ผมเอาออกซิเจนใส่ให้เขา แต่เขาก็พยายามจะเอาออก จะให้เอาไปให้คนอื่นบ้าง เพราะมีหลายคนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เชื่อแน่ว่าหลายคนคงร่วมเป็นแรงใจช่วยผู้ประสบภัยในครั้งนี้ให้อาการปลอดภัยโดยเร็ว และเร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยทั้งร่างกายและจิตใจ เนื่องจากนี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของเมืองหาดใหญ่ แต่เป็นอีกครั้งหนึ่งของความสูญเสียและสะเทือนใจที่ต้องกลับไปทบทวนมาตรการป้องกัน ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า