กระบี่ - ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ แจงผู้ว่าฯ ม็อบเกษตรกร เบื้องต้นให้ทางปกครองดูแลไม่ให้มีเหตุรุนแรง ขณะที่เครือข่ายเกษตรกรไร้ที่ทำกิน จ.กระบี่ อัดรัฐแก้ปัญหาที่ดินมา 10 ปี ยังไม่คืบหน้าเพราะไม่ทำงาน
จากกรณีชาวบ้านจากเกษตรเครือข่ายไร้ที่ทำกินจังหวัดกระบี่ประมาณ 300 คน ได้เข้าไปยึดพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันของ หจก.กระบี่รวมภัณฑ์ ซึ่งเป็นป่าสัมปทานและได้หมดอายุสัมปทานไปแล้วเมื่อปี 2545 เนื้อที่สัมปทาน 1,000 ไร่ โดยชาวบ้านเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องเร่งจัดสรรที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินโดยการนำที่ดินสัมปทาน ที่หมดอายุมาจัดสรรให้เกษตรกรรายละ 10 ไร่
สำหรับความคืบหน้าเรื่องนี้ นายอาคม ยุทธนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น เบื้องต้นได้รับการประสานจากทางฝ่ายปกครองว่าได้เข้าไปเจรจาเพื่อให้อยู่ในความสงบ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น แต่แนวทางการแก้ไขหรือข้อเรียกร้องของชาวบ้านนั้น จังหวัดได้มีแนวทางชัดเจนในการปฏิบัติอยู่แล้ว โดยยึดตามมติ ครม.เมื่อปี 2546 ให้ 3 จังหวัดคือ กระบี่ สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช ไปสำรวจพื้นที่และหากพื้นที่ใดหมดสัมปทานให้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกให้เอกชนเช่าต่อ อีกส่วนนำมาจัดสรรให้ราษฎร แต่หากเอกชนเช่าและบุกรุกที่ดินของราษฎร ต้องนำมาจัดสรรให้กับราษฎรทั้งแปลง และพื้นที่ที่ขอใช้ประโยชน์ให้เสียค่าธรรมเนียมไร่ละ 100 บาท กรณีไม่เกิน 20 ไร่ แต่หากเกินให้เสียไร่ละ 300 บาท
นายอาคม กล่าวอีกว่า ซึ่งหลังจากมีชาวบ้านเข้ายึดสวนปาล์ม จังหวัดก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อสำรวจพื้นที่ ที่หมดอายุสัมปทานว่ามีผู้ใดครอบครองอยู่บ้าง และขณะนี้ได้ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้พิจารณาแนวทางการช่วยเหลือแล้ว
ด้านนายอภินันท์ เป๋าเงิน ประธานเครือข่ายเกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกินจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การเข้าบุกยึดสวนปาล์มของเอกชน แต่หมดสัญญาไปกว่า 10 ปีแล้วนั้นถือเป็นแนวทางหนึ่งของการเรียกร้องความเป็นธรรมจากรัฐ แต่ที่ผ่านมาทางเครือข่ายได้ยึดแนวทางด้านกฎหมาย โดยเรียกร้องมานานถึง 10 ปี เพื่อขอให้มีการออกสำรวจพื้นที่ ที่หมดอายุสัมปทาน และจะได้นำเสนอรัฐบาลเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน แต่วันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าพื้นที่สัมปทานส่วนใหญ่ที่หมดอายุและกำลังจะหมด ได้มีการแบ่งขายไปอยู่ในมือของกลุ่มทุนอื่นๆ ซึ่งสาเหตุก็เพราะรัฐไม่เอาจริงเอาจัง ผู้มีอำนาจไม่ทำงานผ่านมาตั้ง 10 ปี แต่ไม่คืบหน้า แต่ทั้งนี้ก็เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะหาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรได้
สำหรับพื้นที่สัมปทานในจังหวัดกระบี่มีจำนวน 14 แปลง โดย 10 แปลง หมดสัญญาสัมปทานไปแล้วเนื้อที่รวม 43,324 ไร่ ส่วนที่ยังไม่หมดสัมปทานมีจำนวน 4 แปลง เนื้อที่รวม 29,706 ไร่ โดยเป็นของบริษัท เจียรวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด 20,000 ไร่ หมดสัมปทานวันที่ 21 เมษายน 2556 บริษัทยวนสาวการเกษตรจำกัด 2 แปลงเนื้อที่ 8,206 ไร่ หมดสัญญา 18 กันยายน 2558 และนายวิศิษฐ วุฒิชาติวานิช จำนวน 1,500 ไร่ หมดสัญญา 7 เมษายน 2560
จากกรณีชาวบ้านจากเกษตรเครือข่ายไร้ที่ทำกินจังหวัดกระบี่ประมาณ 300 คน ได้เข้าไปยึดพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันของ หจก.กระบี่รวมภัณฑ์ ซึ่งเป็นป่าสัมปทานและได้หมดอายุสัมปทานไปแล้วเมื่อปี 2545 เนื้อที่สัมปทาน 1,000 ไร่ โดยชาวบ้านเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องเร่งจัดสรรที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินโดยการนำที่ดินสัมปทาน ที่หมดอายุมาจัดสรรให้เกษตรกรรายละ 10 ไร่
สำหรับความคืบหน้าเรื่องนี้ นายอาคม ยุทธนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น เบื้องต้นได้รับการประสานจากทางฝ่ายปกครองว่าได้เข้าไปเจรจาเพื่อให้อยู่ในความสงบ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น แต่แนวทางการแก้ไขหรือข้อเรียกร้องของชาวบ้านนั้น จังหวัดได้มีแนวทางชัดเจนในการปฏิบัติอยู่แล้ว โดยยึดตามมติ ครม.เมื่อปี 2546 ให้ 3 จังหวัดคือ กระบี่ สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช ไปสำรวจพื้นที่และหากพื้นที่ใดหมดสัมปทานให้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกให้เอกชนเช่าต่อ อีกส่วนนำมาจัดสรรให้ราษฎร แต่หากเอกชนเช่าและบุกรุกที่ดินของราษฎร ต้องนำมาจัดสรรให้กับราษฎรทั้งแปลง และพื้นที่ที่ขอใช้ประโยชน์ให้เสียค่าธรรมเนียมไร่ละ 100 บาท กรณีไม่เกิน 20 ไร่ แต่หากเกินให้เสียไร่ละ 300 บาท
นายอาคม กล่าวอีกว่า ซึ่งหลังจากมีชาวบ้านเข้ายึดสวนปาล์ม จังหวัดก็ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อสำรวจพื้นที่ ที่หมดอายุสัมปทานว่ามีผู้ใดครอบครองอยู่บ้าง และขณะนี้ได้ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้พิจารณาแนวทางการช่วยเหลือแล้ว
ด้านนายอภินันท์ เป๋าเงิน ประธานเครือข่ายเกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกินจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การเข้าบุกยึดสวนปาล์มของเอกชน แต่หมดสัญญาไปกว่า 10 ปีแล้วนั้นถือเป็นแนวทางหนึ่งของการเรียกร้องความเป็นธรรมจากรัฐ แต่ที่ผ่านมาทางเครือข่ายได้ยึดแนวทางด้านกฎหมาย โดยเรียกร้องมานานถึง 10 ปี เพื่อขอให้มีการออกสำรวจพื้นที่ ที่หมดอายุสัมปทาน และจะได้นำเสนอรัฐบาลเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน แต่วันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าพื้นที่สัมปทานส่วนใหญ่ที่หมดอายุและกำลังจะหมด ได้มีการแบ่งขายไปอยู่ในมือของกลุ่มทุนอื่นๆ ซึ่งสาเหตุก็เพราะรัฐไม่เอาจริงเอาจัง ผู้มีอำนาจไม่ทำงานผ่านมาตั้ง 10 ปี แต่ไม่คืบหน้า แต่ทั้งนี้ก็เชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะหาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรได้
สำหรับพื้นที่สัมปทานในจังหวัดกระบี่มีจำนวน 14 แปลง โดย 10 แปลง หมดสัญญาสัมปทานไปแล้วเนื้อที่รวม 43,324 ไร่ ส่วนที่ยังไม่หมดสัมปทานมีจำนวน 4 แปลง เนื้อที่รวม 29,706 ไร่ โดยเป็นของบริษัท เจียรวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด 20,000 ไร่ หมดสัมปทานวันที่ 21 เมษายน 2556 บริษัทยวนสาวการเกษตรจำกัด 2 แปลงเนื้อที่ 8,206 ไร่ หมดสัญญา 18 กันยายน 2558 และนายวิศิษฐ วุฒิชาติวานิช จำนวน 1,500 ไร่ หมดสัญญา 7 เมษายน 2560
