ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่บีบรัดตัวเองเข้าไปทุกขณะ อันเป็นไปภายใต้การครอบงำของระบอบทักษิณ ซึ่งผู้ชักใยก็คือนักโทษหนีคุกไปเร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนคาดการณ์กันว่าอีกไม่นานจะถึงจุดอัดแน่นเกินที่สังคมจะทนได้
กระบวนการหนึ่งที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การให้แก๊งเสื้อแดงเดินสายวางเครือข่ายสร้างขุมกำลังอยู่ในทุกภูมิภาคล้อมรอบเมืองหลวง
ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วคนเสื้อแดงเปิด 2 เวทีใหญ่ที่ภาคใต้และภาคเหนือ สามารถสร้างสีสันและขยายรอยแตกแยกในสังคมไทยให้ปริร้าวเพิ่มขึ้นไปได้อีก
เวทีแรกว่ากันว่าเป็นการเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงที่ ม.1 บ้านเก้าตอ ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช แต่เลี่ยงใช้ชื่อว่าหมู่บ้านประชาธิปไตยต้านภัยยาเสพติด นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นายอารีย์ ไกรนรา เลขา รมช.เกษตรฯ (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก เลขา รมช.มหาดไทย (นายฐานิสร์ เทียนทอง) นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และบรรดาแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยมีนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าฯ กับ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นำคณะข้าราชการไปต้อนรับอย่างเอิกเกริกเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา
นายจตุพรขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า แม้ในภาคใต้จะไม่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย แต่หมู่บ้านประชาธิปไตยฯ ในลักษณะนี้จะต้องขยายตัวต่อเนื่อง เพราะตรงกับวัตถุประสงค์ของหมู่บ้านเสื้อแดง สิ่งนี้ไม่ได้สร้างความขัดแย้งในสังคมเหมือนอย่างที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ว่าไว้ คนพวกนี้ชอบว่าแต่คนอื่น ให้ทำก็ไม่ทำ พอคนอื่นทำสำเร็จก็มาเยาะเย้ยเสียดสี คนพวกนี้โง่แล้วยังอวดฉลาด ตนไปภาคเหนือ ภาคอีสาน แล้วกลับมาใต้ที่เป็นบ้านเกิด เห็นแล้วตกใจว่ายังไม่ได้รับการพัฒนาที่ดี
“ไม่ใช่เพราะคนใต้ไม่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย แต่เป็นเพราะคนใต้โง่ เลือกประชาธิปัตย์เข้าไปบริหารงาน คนเก่งๆ อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนที่มีความคิดริเริ่ม มีโครงการต่างๆ เกิดขึ้นเพื่อต้องการพัฒนา มันก็หาว่ามาทำลายประเทศ คนใต้เคยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประชาธิปัตย์ก็พูดกรอกใส่หูทุกวันว่าไม่ใช่คนใต้ เลยกลายเป็นว่าไม่เกิดความรักความหวงแหน ภาคใต้เลยไม่มีการพัฒนา”
อีกเวทีแกนนำ นปช.ยกทัพไปช่วยหาเสียงให้กับผู้ชิงตำแหน่งนายก อบจ.เชียงราย นำโดย เจ๋ง ดอกจิก และนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ ระหว่างขึ้นเวทีปราศรัย ณ ลานหน้าศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ม.13 ต.แม่พริก อ.แม่สรวย ช่วงคืนวันที่ 24 มี.ค.นั้น นอกจากแกนนำเสื้อแดงจะยกยอปอปั้น พ.ต.ท.ทักษิณและรัฐบาลชุดปัจจุบัน พร้อมโจมตีประชาธิปัตย์ ทหาร รวมถึงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแล้ว ยังมีการประสานเสียงถึงคนใต้ที่นายจตุพรกล่าวไว้ก่อนหน้าเพียงวันเดียว
ทั้งนี้ เจ๋ง ดอกจิก กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันคนภาคเหนือมีความสนใจเรื่องการเมือง เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองมาโดยตลอด แต่คนทางภาคใต้กลับไม่สนใจ เพราะมัวแต่นั่งดูละครโทรทัศน์ปัญญาอ่อน ดังนั้น ขอให้ไทยเป็นคนเสื้อแดงทั้งประเทศ เหลือไว้เพียงภาคใต้ เพื่อให้เป็นมรดกของคนโง่
“หากเราอยากดูคนโง่ ให้ไปดูที่ภาคใต้” เจ๋ง ดอกจิก กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำบทเวทีปราศรัย
เจ๋ง ดอกจิก กล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ที่มีฐานเสียงที่ภาคใต้ก็ไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศ ต่างจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณที่ทำประโยชน์มากมาย และหากประชาธิปัตย์ยังเป็นรัฐบาล ตนคงไม่ได้ออกจากคุก จึงขอบคุณที่คนเสื้อแดงที่เลือกพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตามตนจะไปสร้างเครือข่ายที่ภาคใต้ให้มากๆ เพื่อให้เป็นคนเสื้อแดงและประชาธิปัตย์สูญพันธุ์
ความจริงการตราหน้าว่า “คนใต้โง่” ของแกนนำแก๊งเสื้อแดงไม่ใช่ครั้งแรก แต่ครั้งนี้นับเป็นการเปล่งวาจาบนเวทีสาธารณะได้อย่างแจ่มชัดกระจ่างแจ้งกินใจผู้คนในสังคม สำหรับคนใต้แล้วถึงกับบาดลึกในความรู้สึกจนต้องชักแถวกันออกมาตอบโต้ ไม่เว้นแม้กระทั่งชาวบ้านร้านตลาด
ที่จริงทั้ง ตู่-จตุพร และ เจ๋ง ดอกจิก ก็หาใช่คนภาคอื่นเสียที่ไหน ทั้งคู่ล้วนเกิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี และมีโคตรเหง้าเหล่ากออยู่ในภาคใต้
ตู่-จตุพร เกิดเมื่อ 5 ต.ค.2508 ที่ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบุตรสุดท้องของนายชวน พรหมพันธุ์ กับนางน่วม บัวแก้ว เป็นน้องชายต่างมารดากับพระเทพดิลก (ระแบบ ฐิตญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ผู้ที่ทุกครั้งที่ออกมาแสดงบทบาทหรือเคลื่อนไหวอะไรในสังคม ล้วนเป็นที่สะดุดตาของผู้คนไม่แพ้น้องชาย
สำหรับ เจ๋ง ดอกจิก ความโดดเด่นยังห่างชั้น ประวัติส่วนตัวจึงยังพร่ามัว แต่ที่ยืนยันได้คือเกิดเมื่อ 4 มี.ค.2501 ที่ จ.สุราษฎร์ธานีเช่นกัน เคยทำงานไปรษณีย์ย่านสามแยกไฟฉายในกรุงเทพฯ ผันตัวเองไปเป็นตลกค่าเฟ่ไต่บันไดฝันเป็นดารา แต่ไม่ประสบความผล จึงหันเข้าสู่การเมืองได้ร่วมเป็นทีมงานรัฐมนตรีในรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา และรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
ปี 2548 ที่ระบอบทักษิณใหญ่คับฟ้า ได้ไปซบตัก พ.ต.ท.ทักษิณขอลงสมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทยที่บ้านเกิดเขต 4 จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่ถูกเลือก จึงไปหาขอพึ่งบารมีนายบรรหารสวมเสื้อพรรคชาติไทยลงแทน แต่ก็พ่ายแพ้ตามระเบียบ ยังไม่เข็ดปี 2550 เอาอีกลงสมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินที่ จ.นนทบุรี
ใช้เงินทองทั้งส่วนตัวและหยิบยืมเครือญาติทุ่มกับ ส.ส.ลงไปมาก หนี้สินก้อนนี้แหละที่ทำให้ต้องย่อมบากหน้าไปสวามิภักดิ์ พ.ต.ท.ทักษิณอีกหน แล้วก็กลายเป็น 1 ในหัวหมู่ทะลวงฟันของแก๊งเสื้อแดงที่ลุกฮือเผาบ้านเผาเมือง ตกเป็นจำเลยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาว่าจ้าง 3 ผู้ลงสมัครพรรคเล็กที่ จ.ตรัง ซึ่งเป็นหลักฐานหนึ่งนำไปสู่คดียุบพรรคไทยรักไทย ล่าสุดเกิดน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ ก็บุกไปเบ่งยึดเรือบริจาคและกร่างใส่สื่อมวลชนถึงศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลืออุทกภัย (ศปภ.) จนเป็นข่าวครึกโครม
การออกมาด่าทอคนใต้และโคตรเหง้าเหล่ากอตัวเองของ 2 แก่นแกนแก๊งแดงสายเลือดสะตอเที่ยวนี้ ก็เพื่อโหมกระแสช่วยสร้างสถานการณ์หนุนนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับไทยอย่างเท่ๆ ให้ได้โดยเร็วเท่านั้น