ศูนย์ข่าวพลเมือง ฅนคอน
ส่วนหนึ่งในรายการวิจัย
ความจริงพวกเราเพียงทำหน้าที่เป็นคนหาปลา เรารักทะเล รักคนกินปลา เราหาปลาทุกวัน เพราะเรารู้ว่าคนกินปลาจะมีความสุข สิ่งที่เรายืนยันว่าจะต้องทำต่อไป คือ การหาปลา ตราบเท่าที่มีคนกินปลา....
เราเริ่มตระหนักถึงภัยคุกคาม เมื่อมีบริษัทข้ามชาติ และนโยบายรัฐ บอกว่าจะมาทำนิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โรงไฟฟ้าถ่านหิน การขุดเจาะน้ำมันและฐานปฏิบัติการบนฝั่ง ความรู้สึกของเราในตอนนี้
“แล้วพวกคุณมาทำร้ายเราทำไม”
เรายังหาทางต่อสู้เพื่อผืนแผ่นดินและผืนน้ำตลอดเวลาด้วยวิธีการสารพัด แต่สาธารณะออกมามาบอกเราว่า
“การคัดค้านที่มีเหตุผลที่สุด คือ การออกมาบอกว่าเรามีอะไรดี และถ้าพัฒนาแบบเราจะเกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร”
เนื้อหาในรายงานวิจัยนี้ มิได้เป็นเพียงตัวหนังสือ แต่มันคือจิตวิญญาณของพวกเรา ตัวเลขที่ปรากฏทุกตัว คือ การใช้ประโยชน์ของทรัพยากรอย่างยั่งยืนที่เราทำกันมาหลายชั่วอายุคน มูลค่าทางเศรษฐกิจ คือ การแบ่งปันให้ทุกคนได้รับผลประโยชน์ อย่างอิสรเสรี ภายใต้กรอบกติกาที่เรียกว่า
“วัฒนธรรมชุมชน”
คือ คำปรารภของงานวิจัยที่ชาวบ้านช่วยกันค้นช่วยกันหา และช่วยกันถอดประสบการณ์และ ชีวิต และจิตวิญญาณที่สั่งสม การนำเสนอเรื่องราว และเหตุผลของชาวบ้าน และขนานนามว่า
“อ่าวทองคำ”
คงไม่เกินความจริงไปมากนัก
>
บ้านคอเขา ต.สิชล อ.สิชล ประกอบอาชีพประมง 118 คน มูลค่าแรงงาน 35,400 บาท ต่อวัน เดือนละ (คิด 20 วัน) 708,400 บาท ปีละ 7 ล้านเศษ จำนวนเงินหมุนเวียน 100 ล้านบาทต่อปี โดยคิดจาก จำนวนเรือ 50 ลำ เจ้าของเรือวันละ 1,500 บาท จำนวน 50 คน วันละ 75,000 บาท ลูกเรือ 100 คน ค้าจ่างเฉลี่ยวันละ 300 บาท วันละ 30,000 บาท
นอกจากนี้ เงินหมุนเวียนที่แพต่างๆที่มูลค่าสัตว์น้ำไปขึ้น เช่น แพพี่มอฝายท่า วันละ 120,000 บาท, แพปากน้ำ 10,000 บาท, แพปลายทอน 15,000 บาท, แพป้าเหวิน 50,000 บาท, แพคอเขาเอง 100,000 บาท และแพบางดี 40,000 บาท
บ้านพังปลิง ต.กลาย อ.ท่าศาลา การจ้างงานเฉพาะกิจการทางทะเล 1,036 คน มูลค่าต่อเดือน 11.8 ล้านบาท มีเรือประมงพื้นบ้าน 100 ลำ ทำปลาแห้งประมาณ 200 ครัวเรือน รายได้ 2-6 หมื่นบาท แพปลา 4 แพ จ้างงาน16 คน รายได้ 3.2-6 หมื่นบาท ทำกะปิขนาดกลาง 5 แห่ง แรงงาน 70 คน รายได้ 1.5-4 แสนบาท
บ้านสะบัว ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ้างงานทั้งหมด 455 คน วันละ 130,000 บาทเดือนละ 2.6 ล้านบาท ปีละ 26 ล้าน เช่น เรือ 22 ลำ แรงงาน 255คน คนละ300 บาท วันละ 76,500 บาท,โรงแกะเนื้อปู คนละ 400 บาท จ้างงาน 80 คน วันละ 32,000 บาท, แม่ค้าคนกลาง 1,500 บาท 30 คน 45,000 บาท
ตัวเลขข้างบน คือ ตัวเลขบางส่วนจากงานวิจัยที่ชาวบ้านช่วยกันเก็บ หากดูภาพรวมมีแรงงานที่ทำประมงจำนวนมากเกี่ยวกับการออกเรือ อย่างเดียว 5,225 คน คือ บ้านคอเขา 118 คน, บ้านบางดี บ้านบางปอ, บ้านฝายท่า จำนวน 900 คน, บ้านพังปลิงปากดวด 1,036 คน, บ้านตะเคียนดำ 686 คน, บ้านท่าสูง 555 คน, บ้านในถุ้ง 1,157 คน, บ้านสะบัว 455 คน และบ้านหน้าทับ 319 คน นี่คงเป็นตัวเลขยืนยันของคนหาปลาที่หล่อเลี้ยงคนทั้งโลกที่อ่าวทองคำสิชล ท่าศาลา
จากแรงงาน 5,000 รายนี้ รายได้วันละ 300 บาท จ้างงานถึงปีละ 300 ล้านบาททีเดียว จำนวนเรือประมงประมาณ 1,300 ลำ รายได้ขั้นต่ำปีละกว่า 400 ล้านบาท หากเดินตามเส้นทางอาหารและแปรรูปมูลค่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีกหลายเท่า
ความมั่งคั่งของทรัพยากรสัตว์ น้ำที่อ่าวทองคำนี้เอง สร้างห่วงโซ่ทางธุรกิจ เช่น หากจับสัตว์น้ำ จะมีการปอกปู กุ้งแห้ง ปลาแห้ง เป็นต้น หรือหากนำเข้าโรงงานขนาดใหญ่ก็จ้างงานอีก 400 - 500 คน อีกทั้งแรงงานประมงทำงานวันละ 4-5 ชั่วโมง คนๆหนึ่งจึงประกอบอาชีพเพิ่มเติมได้อีก เช่น ทำกรงนก ขายของ หรือขายปลาต่อในตลาด
เส้นทางเดินอาหารชายฝั่งท่าสาลา สิชล มีการบริโภคในท้องถิ่น ขายในตลาดท้องถิ่นมากกว่า 50 ตลาด และตลาดต่างจังหวัด และส่งออกไปต่างประเทศ เช่น โรงงานและแพปลาในภาคใต้ โรงงานปลากระป่องจังหวัดตรัง แพปลา จ.สุราษฎร์ธานี สงขลา และปัตตานี เป็นต้น นอกจากนี้ตลาดต่างประเทศ ส่งออกไปยัง มาเลเซีย จีน อินโดนีเซีย อเมริกา สิงคโปร์ และโซนยุโรป
ท้องทะเลไม่มีเส้นแบ่ง เปลี่ยนแปลงจุดเดียวสะเทือนทั้งทะเล หากเกิดการก่อสร้างล่วงล่ำลำน้ำก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาล เพราะชาวประมงบอกว่า
“แค่มีเสาไปปัก 1 ต้น กระแสน้ำก็เปลี่ยนแล้ว”
และการเปลี่ยนกระแสน้ำ คือ การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ และการดำรงอยู่ของสัตว์น้ำ หากทะเลที่นี่ถูกทำลาย จากเส้นทางอาหารจากชายฝั่งสิชลและท่าศาลา ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบฐานอาหารของประเทศ กลไกเศรษฐกิจทางด้านอาหารจะล้มลง มีคนตกงานนับ 10,000 คน แม้ค้ารายย่อยกว่า 50 ตลาด และคนที่บริโภคปลาสดในตลาดเหล่านี้จะมีผลกระทบทันที
“อ่าวทองคำ” ที่ตกทอดวิถีชีวิตคนหาปลามาหลายชั่วอายุคน สร้างงาน สร้างเศรษฐกิจอย่างยาวนาน กำลังถูกท้าทายด้วยระบบเศรษฐกิจในยุคโลกาภิวัตน์ ยุคนิคมอุตสาหกรรม เน้นวัตถุไม่เน้นคุณค่าของคนและวิถีชีวิต เน้นมูลค่าเศรษฐกิจของคนไม่กี่คน ละเลยเศรษฐกิจที่มีการกระจายรายได้และพึ่งพา วันนี้ขึ้นอยู่กับเรา และท้องทะเลแห่งนี้ ที่จะสร้างมูลค่าแท้ทางเศรษฐกิจให้สาธารณชนรับทราบ
หากการพัฒนา คือ การอยู่ดีกินดีของประชาชน ก็ต้องเลือกเส้นทางการพัฒนาที่ไม่ทำลายฐานเศรษฐกิจของประชาชน และฐานเศรษฐกิจของคนที่นี่ คือ ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลรวมทั้งทรัพยากรชายฝั่งทั้งหมด หากสิ่งเหล่านี้ถูกทำลายจึงเป็นการทำลายฐานชีวิตของชุมชน และปัญหาของสังคมจะตามมาจนไม่อาจเยียวยาได้