ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจหาดใหญ่จัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจและลาดตระเวน ตามสถานบริการ สถานบันเทิง สถานีขนส่ง และชุมทางหาดใหญ่ ส่วนคดีแก๊งรถตู้ลักพาตัว น.ส.น้ำฝน นั้น ขณะได้เดินทางกลับไปเพื่อแจ้งความยัง จ.ชุมพร
วันนี้ (21 มี.ค.) พ.ต.ท.เอกณรงค์ สวัสดิกานนท์ รองผกก.สส.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวถึงกรณีการแก็งรถตู้ลักพาตัว ว่า ในส่วนของอำเภอหาดใหญ่ไม่เคยปรากฏว่า มีการค้ามนุษย์ในลักษณะของการลักพาตัวมาก่อน เพียงแต่อำเภอหาดใหญ่จะเป็นแค่เพียงเส้นทางผ่านไปยังพื้นที่แนวชายแดน หรือพื้นที่อื่นๆ เท่านั้น เนื่องจากเป็นศูนย์รวมของเส้นทางคมนาคมไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้สะดวก
สำหรับมาตรการการป้องกันการค้ามนุษย์พื้นที่อำเภอหาดใหญ่นั้น ได้จัดให้มีกำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจตรา และลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืนในพื้นที่รับผิดชอบเป็นประจำ โดยเฉพาะสถานบริการและสถานบันเทิงต่างในในตัวเมืองที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อคอยสอดส่องดูแลไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน การค้ามนุษย์ รวมทั้งการใช้แรงงานเด็ก
นอกจากนั้น ยังมีการจัดกำลังตำรวจอีกส่วนหนึ่งคอยตรวจตราบริเวณสถานีขนส่งและชุมทางรถไฟหาดใหญ่ เพื่อป้องกันขบวนการค้ามนุษย์และกลุ่มมิจฉาชีพลักพาตัวและลำเลียงเหยื่อผู้ เคราะห์ร้ายผ่านเส้นทางดังกล่าว และที่สำคัญ คือ ทางตำรวจได้มีการประชาสัมพันธ์ให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีขนส่งต่างๆ ทั้งรถยนต์ รถบัส และ รถไฟ รวมทั้งประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ ได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและช่วยกันแจ้งเบาะแส หากพบบุคคล หรือกลุ่มคนที่มีลักษณะต้องสงสัยเข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีที่ น.ส น้ำฝน เพชรรัตน์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 594 ม.8 บ้านคลองลอย ต.ร่อนทอง อ.บางสะพานใหญ่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกแก๊งรถตู้ลักพาตัวนั้น ไม่ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.หาดใหญ่ แต่ทาง น.ส.น้ำฝน และ นายสาย ทะนารัมย์ สามีของ น.ส.น้ำฝน ได้เดินทางกลับไปเพื่อแจ้งความยัง สภ.ใน จ.ชุมพร พื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป
ซึ่งข้อมูลของคนร้ายแก็งรถตู้รายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทราบเพียงแต่ว่าเป็นรถตู้สีบรอนซ์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เนื่องจากหลังจากที่ น.ส.น้ำฝน เข้ามาขอความช่วยเหลือกับทาง ร.ต.ท.สุชาติ ทองแกมแก้ว รองสวป.สภ.หาดใหญ่ ที่สถานีขนส่งหาดใหญ่ น.ส.น้ำฝน ได้แต่ร้องไห้นาน กว่าจะบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้แก็งค์รถตู้ดังกล่าวได้หลบหนีไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามได้
วันนี้ (21 มี.ค.) พ.ต.ท.เอกณรงค์ สวัสดิกานนท์ รองผกก.สส.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวถึงกรณีการแก็งรถตู้ลักพาตัว ว่า ในส่วนของอำเภอหาดใหญ่ไม่เคยปรากฏว่า มีการค้ามนุษย์ในลักษณะของการลักพาตัวมาก่อน เพียงแต่อำเภอหาดใหญ่จะเป็นแค่เพียงเส้นทางผ่านไปยังพื้นที่แนวชายแดน หรือพื้นที่อื่นๆ เท่านั้น เนื่องจากเป็นศูนย์รวมของเส้นทางคมนาคมไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้สะดวก
สำหรับมาตรการการป้องกันการค้ามนุษย์พื้นที่อำเภอหาดใหญ่นั้น ได้จัดให้มีกำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจตรา และลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืนในพื้นที่รับผิดชอบเป็นประจำ โดยเฉพาะสถานบริการและสถานบันเทิงต่างในในตัวเมืองที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อคอยสอดส่องดูแลไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน การค้ามนุษย์ รวมทั้งการใช้แรงงานเด็ก
นอกจากนั้น ยังมีการจัดกำลังตำรวจอีกส่วนหนึ่งคอยตรวจตราบริเวณสถานีขนส่งและชุมทางรถไฟหาดใหญ่ เพื่อป้องกันขบวนการค้ามนุษย์และกลุ่มมิจฉาชีพลักพาตัวและลำเลียงเหยื่อผู้ เคราะห์ร้ายผ่านเส้นทางดังกล่าว และที่สำคัญ คือ ทางตำรวจได้มีการประชาสัมพันธ์ให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีขนส่งต่างๆ ทั้งรถยนต์ รถบัส และ รถไฟ รวมทั้งประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ ได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและช่วยกันแจ้งเบาะแส หากพบบุคคล หรือกลุ่มคนที่มีลักษณะต้องสงสัยเข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีที่ น.ส น้ำฝน เพชรรัตน์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 594 ม.8 บ้านคลองลอย ต.ร่อนทอง อ.บางสะพานใหญ่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกแก๊งรถตู้ลักพาตัวนั้น ไม่ได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.หาดใหญ่ แต่ทาง น.ส.น้ำฝน และ นายสาย ทะนารัมย์ สามีของ น.ส.น้ำฝน ได้เดินทางกลับไปเพื่อแจ้งความยัง สภ.ใน จ.ชุมพร พื้นที่เกิดเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป
ซึ่งข้อมูลของคนร้ายแก็งรถตู้รายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทราบเพียงแต่ว่าเป็นรถตู้สีบรอนซ์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เนื่องจากหลังจากที่ น.ส.น้ำฝน เข้ามาขอความช่วยเหลือกับทาง ร.ต.ท.สุชาติ ทองแกมแก้ว รองสวป.สภ.หาดใหญ่ ที่สถานีขนส่งหาดใหญ่ น.ส.น้ำฝน ได้แต่ร้องไห้นาน กว่าจะบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้แก็งค์รถตู้ดังกล่าวได้หลบหนีไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามได้