ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เรือนจำกลางสงขลาเริ่มมาตรการห้ามนำสิ่งของเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังเป็นวันแรกรวมทั้งไปรษณียภัณฑ์ ตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ที่นำร่องเรือนจำ 9 แห่งทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดและสิ่งของต้องห้ามเข้าเรือนจำ เตรียมพร้อมเมนูเด็ดอาหารหวานคาวและขนมหวานกว่า 80 ชนิด ตามใบสั่งซื้อของญาติ
วันนี้ (16 มี.ค.) เรือนจำกลางสงขลาเริ่มดำเนินมาตรการห้ามนำสิ่งของเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังรวมทั้งไปรษณียภัณฑ์ เป็นวันแรกตามนโยบายของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นมาตรการในการป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดรวมถึงสิ่งของต้องห้ามเข้าไปภายในเรือนจำ โดยกรมราชทัณฑ์ดำเนินการนำร่องในเรือนจำ 9 แห่งทั่วประเทศ และในภาคใต้มี 2 แห่ง คือ เรือนจำกลางสงขลาและเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ (16 มี.ค.) เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน ทางเรือนจำกลางสงขลาเตรียมการแก้ปัญหาให้กับญาติที่มาเยี่ยมผู้ต้องขัง โดยการเปิดจำหน่ายสินค้าเยี่ยมผู้ต้องขังผ่านทางเรือนจำกลางสงขลา โดยจัดเมนูอาหารหวานคาวและขนมหวานกว่า 80 ชนิด ซึ่งมีทั้งอาหารไทยและอาหารอิสลาม เพื่อเปิดรับสั่งซื้อสินค้าเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง ตามใบสั่งของญาติ และทางเรือนจำจะนำไปมอบให้ผู้ต้องขังเอง แต่ต้องสั่งล่วงหน้าซึ่งเรือนจำจะรับออเดอร์ไปทำให้ในวันถัดไปและเป็นราคาเดียวกับตามท้องตลาด
ซึ่งญาติผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือกับทางเรือนจำเป็นอย่างดี แต่ก็มีอีกบางส่วนโดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดที่ยังไม่ทราบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เรือนจำก็ได้ชี้แจงกฎระเบียบที่เป็นนโยบายของกรมราชทัณฑ์ให้ญาติได้เข้าใจ ขณะที่กลุ่มแม่บ้านของเรือนจำกลางสงขลาที่เคยทำอาหารมาขายเพื่อให้ญาติซื้อเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังก็จำเป็นต้องลดปริมาณการผลิตลงกว่า 50%
นายเกียรติศักดิ์ จินดากาญจน์ ผู้อำนวยการส่วนสวัสดิการผู้ต้องขัง เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวจะทำการประเมินทุก 3 เดือน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในเรือนจำได้ ในส่วนของจดหมายและเงินธนาณัติจะไม่ห้าม แต่จะกำหนดวงเงินส่งธนาณัติไม่เกิน 6,000 บาท/เดือน เนื่องจากได้จำกัดวงเงินให้ผู้ต้องขังใช้เงินเพียงวันละ 200 บาท/วันเท่านั้น
