สตูล - คณะศึกษาวิจัย “อ่างเก็บน้ำคลองช้าง” เตรียมทำผลสรุปชี้แจงชาวบ้าน พร้อมจัดเวทีทบทวนผลกระทบจากโครงการดังกล่าว 5 มี.ค. นี้ ก่อนเสนอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติตัดสินใจ ซึ่งโครงการดังกล่าวกินเนื้อที่กว่า 2 พันไร่ในพื้นที่ป่าโตนงาช้างและป่าสงวนแห่งชาติป่าดงเชือกช้าง
วันนี้ (24 ก.พ.) นายมนูญ แสงเพลิง ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม พร้อม ดร.วิวัฒน์ อังศุสิงห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชนสัมพันธ์ และนายเกื้อศักดิ์ ทาทอง หัวหน้ากลุ่มงานสิ่งแวดล้อมโครงการกรมชลประทาน พร้อมคณะ ร่วมกันชี้แจงความคืบหน้าโครงการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำคลองช้าง จ.สตูล กระบวนการสุดท้ายของการทำการศึกษา ต่อนายพิศาล ทองเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ
โดยการชี้แจงดังกล่าวนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองช้างในพื้นที่ 2,091 ไร่ ในเขตพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง และทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงเชือกช้าง ในพื้นที่ ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จ.สตูล เพื่อทำการสร้างอ่างเก็บน้ำ พร้อมกับเตรียมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อทบทวนร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการฯ ดังกล่าว ในวันที่ 5 มีนาคม 2555 นี้ ก่อนเตรียมสรุปผลรายงานเสนอกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาในขั้นตอนต่อไป
นายเกื้อศักดิ์ ทาทอง หัวหน้ากลุ่มงานสิ่งแวดล้อมโครงการกรมชลประทาน กล่าวว่า สำหรับการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการการสร้างอ่างเก็บน้ำคลองช้างในขณะนี้ถือว่าเสร็จสิ้นอีกหนึ่งกระบวนการแล้ว และชาวบ้านในพื้นที่ก็เข้าใจแล้วว่าการสร้างเขื่อนขึ้นมาได้รับอะไรบ้าง
“ซึ่งทางเราเตรียมทำรายงานชิ้นสุดท้ายให้ประชาชนได้รับทราบ ว่าอ่างเก็บน้ำช่วยได้ทั้งภัยแล้ง และช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม และอีกหนึ่งเรื่องที่ทางจังหวัดสตูลกลัวและเป็นห่วงว่าพื้นที่ดังกล่าวนอกจากจะเป็นพื้นที่ป่าสงวนแล้ว ยังมีบ้านเรือนชาวบ้านอาศัยอยู่ และบ้านเรือนที่ตั้งใต้เขื่อนจะปลอดภัยไหมหากเกิดอ่างเก็บน้ำแตก ทางคณะสำรวจพบว่าพื้นที่ดินเป็นพื้นที่ชั้นแข็ง และตัวเขื่อนที่จะสร้างเรารองรับการเกิดแผ่นดินไหวได้มากทีเดียว” นายเกื้อศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายพิศาล ทองเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า ทางจังหวัดเองต้องทำความเข้าใจว่าชาวบ้านต้องการมากแค่ไหนและสร้างขึ้นมาได้ประโยชน์อะไร ผลเสียที่ได้รับเป็นอย่างไร แต่ทางที่ชาวบ้านยังไม่เข้าใจคือความปลอดภัยของตัวอ่างที่จะสร้างว่ามีมาตรฐานเพียงใด จึงฝากให้ทางคณะศึกษาโครงการฯไปหาวิธีตอบคำถามให้ชาวบ้านได้รู้ และตอบคำถามดังกล่าวนี้ในวันที่ 5 มีนาคม ด้วย
