โวยนายทุนลอบดูดทรายขาย ทำลายสภาพแวดล้อมชุมชน

สุราษฎร์ธานี- นายก อบต.ท่าชี จ.สุราษฎร์ธานีโวย นายทุนลักลอบดูดทรายขาย ทำชาวบ้านเดือดร้อนหนัก อ้างมีข้าราชการ นักการเมืองระดับจังหวัดหนุนหลังเอื้อประโยชน์ร่วม พร้อมยื่นหนังสือถึงนายกฯ ปู แก้ปัญหาด่วน

นายบัญชา หนูภักดี นายก อบต.ท่าชี อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทรายประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ออกประกาศกำหนดบริเวณที่สามารถดูดทรายได้ในพื้นที่หมู่ 2, 3 และ 4 ต.ท่าชี บริเวณแม่น้ำตาปี โดยมีผู้ประกอบการจำนวน 6 รายได้รับสัมปทานอนุญาตดูดทรายเพื่อการค้าในปี 2549

นับจากการอนุมัติให้มีการดูดทราย ปรากฏว่า การดำเนินการของผู้ประกอบการก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมของชุมชน คือ การถมพื้นที่กองทรายรุกล้ำลำน้ำและทำให้ชายตลิ่งทรุด รวมถึงถนนสายหลักเส้น น้ำพุ-ท่าชี-กระซุม ระยะทางประมาณ 9-10 ก.ม. ซึ่งเป็นถนนผิวจราจรลาดยางแอสฟัลติก ได้รับความเสียหายอย่างหนักถนนเป็นหลุม เป็นบ่อ ฝุ่นควันฟุ้งตลอดเส้นทาง บ้านเรือนประชาชนหลายร้อยหลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงสถานที่ราชการต่างๆ เช่น โรงเรียนระดับชั้นมัธยม วัด สถานีอนามัย อบต. อีกทั้งยังเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

ทาง อบต.ได้เคยทำหนังสือถึงนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ที่รับผิดชอบถนนเส้นทางดังกล่าวเพื่อทำการปรับปรุง ซ่อมแซม แต่ก็ไม่ได้มีการซ่อมแซมปรับปรุงตามมาตรฐานถนนลาดยาง ซึ่งถ้าหาก อบจ.สุราษฎร์ธานี ไม่สามารถดำเนินการซ่อมแซมถนนสาย น้ำพุ-ท่าชี-กระซุมได้ ก็ขอให้องค์กรส่วนปกครองท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล

ส่วนผู้ประกอบการที่ลักลอบดูดทรายเพื่อจำหน่ายนั้น ก่อนหน้านี้ทาง อบต.ท่าชี ได้เชิญผู้ประกอบการทั้งหมดมาหารือแนวทางแก้ไขร่วมกัน แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งทางสภา อบต.ท่าชี พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากการดูดทรายและป้องกันความขัดแย้งในชุมชนได้อย่างดีที่สุด คือการไม่อนุญาตให้มีการดูดทรายในพื้นที่อีกต่อไป

ทั้งนี้ อาศัยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการอนุญาตให้ดูดทราย พ.ศ. 2546 ข้อ 18 ในการพิจารณาอนุญาตให้ได้รับความเห็นชอบจากสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก่อน หลักเกณฑ์พิจารณาอนุญาตให้ดูดทรายตามนับระเบียบนั้นให้คำนึงด้านวิชาการ ด้านการปกครอง และด้านแม่น้ำลำคลองแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศ

กล่าวคือจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการอนุญาตให้มีการดูดทราย โดยต้องให้ครอบคลุมทุกด้าน เช่น ลำน้ำเปลี่ยนแปลง มีตะกอนขุ่น ตลิ่งทรุดตัว เกิดฝุ่นละออง เกิดเสียงดัง ภูมิประเทศเปลี่ยนแปลง พื้นที่ป่าไม้ลดลง สัตว์ป่าลดลง ไม่สามารถใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคได้ รูปแบบการใช้ที่ดินของชุมชนเปลี่ยนแปลง แหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของชุมชน หรือแม้แต่ชุมชนไม่ยอมให้มีการดูดทราย เนื่องจากเป็นว่าชุมชนได้ประโยชน์น้อยกว่าผลเสียหรือไม่ได้เลย หรือการอนุญาตอาจทำให้คนในชุมชนเกิดปัญหาข้อขัดแย้ง หรือเหตุอื่นเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม

แต่การคัดค้านก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพราะมีข้าราชการระดับสูงรวมถึงนักการเมืองระดับจังหวัดมีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่ และได้วิ่งเต้นให้มีการต่อใบอนุญาตดูดทรายอยู่ ขณะที่ปัจจุบันยังมีผู้ประกอบการที่ใบอนุญาตหมดอายุตั้งแต่ปี 2553 บางรายยังคงลักลอบดูดทรายและขนส่งทรายอย่างต่อเนื่อง

นายบัญชา กล่าวอีกว่า ตนได้ยื่นหนังสือพร้อมหลักฐานต่างๆ เรื่อง ปัญหาผลกระทบจากการประกอบการดูดทรายในพื้นที่ ต.ท่าชี ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงเดือนมกราคม 2555 ที่ผ่านมา เพื่อขอความกรุณาได้โปรดพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชน คือ ได้โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาอนุญาตประกอบกิจการดูดทรายในพื้นที่ ต.ท่าชี อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินการพิจารณาการขออนุญาตดูดทรายของผู้ประกอบการดูดทราย และพิจารณายกเลิกการกำหนดบริเวณที่สามารถขออนุญาตดูดทรายได้ ในเขต ต.ท่าชี อ.บ้านนาสาร ให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายโดยเร็ว เนื่องจากล่วงเลยระยะเวลามานานมาก ซึ่งได้สร้างความเคลือบแคลงใจแก่ประชาชนถึงความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ

พร้อมกับขอความอนุเคราะห์โปรดแจ้ง อบจ.สุราษฎร์ธานี เข้าตรวจสอบซ่อมแซมถนนน้ำพุ-ท่าชี-กระซุม ให้ได้มาตรฐาน เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งก่อนหน้านี้ อบต.ท่าชี ได้แจ้ง ต่อ อบจ.สุราษฎร์ธานี ถ้าไม่สามารถปรับปรุงซ่อมแซมได้ ก็พิจารณาอนุญาตให้ อบต.ท่าชี เข้าดำเนินการแทนแต่ก็ยังไม่ได้อนุมัติ