หนองคาย -ชาวหนองคายเดือดร้อน หลังจากผู้ประกอบการดูดทรายในแม่น้ำโขง ฝั่งประเทศลาว รุกดูดกรวดทรายอย่างหนัก ส่งผลให้ตลิ่งฝั่งหนองคายทรุด ต้องนำดินมาถม ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยกำลังเร่งหาทางระงับปัญหาระหว่างประเทศ หวั่นส่งผลกระทบระยะยาวทั้งกระแสน้ำเปลี่ยนทิศ และแผ่นดินไทยหดหาย
เมื่อวันที่ 19 ม.ค.พันเอก กฤษณะ เกิดทองคำ รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดหนองคาย และ นายกิตติคุณ บุตรคุณ ป้องกันจังหวัดหนองคาย ได้ออกตรวจสอบบริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขง ชุมชนป่าหลวง เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ซึ่งเกิดปัญหาตลิ่งทรุดตัวลง หลังจากผู้ประกอบการดูดทรายในแม่น้ำโขงฝั่งประเทศลาว ทำการดูดกรวดทราย ส่งผลทำให้ตลิ่งฝั่งไทยทรุดจากกระแสน้ำโขงที่เปลี่ยนทิศทาง
พันเอก กฤษณะ เกิดทองคำ กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนชาวหนองคายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 เป็นต้นมา ต่อปัญหาตลิ่งทรุดตัว เบื้องต้นตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาอาจเกิดจากการดูดทรายของประเทศลาว บริเวณบ้านถิ่นตม เมืองหาดทรายฟอง นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับชุมชนป่าหลวง เทศบาลเมืองหนองคาย
หลังจากนั้น เทศบาลเมืองหนองคายและโยธาธิการจังหวัดหนองคาย ได้นำดินมาถมบริเวณที่ทรุดเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พร้อมกันนั้น นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้ทำหนังสือแจ้งปัญหาดังกล่าวต่อเจ้าครองนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อหาทางแก้ปัญหาซึ่งจะส่งผลกระทบระหว่างประเทศและอาณาเขตของทั้งสองฝ่าย ซึ่งได้จัดทำหนังสือ 2 ครั้ง มีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ
ผู้ประกอบการดูดทราย จำนวน 3 ราย ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ได้ทำการดูดกรวดทรายล่วงล้ำออกมาจนถึงกึ่งกลางของแม่น้ำโขง หรือประมาณ 600 เมตร จากตลิ่งฝั่งลาว ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในบันทึกการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-ลาว เพื่อดูแลการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง
กำหนดให้มีการดูดหินทรายอยู่ภายในขอบเขตที่ไม่เกินของความกว้างแม่น้ำเท่านั้น รวมถึงผู้ประกอบการยังละเมิดดูดทรายเกินกว่าเวลาที่กำหนดคือทำการดูดทรายตั้งแต่ 04.00-20.00 น.ทั้งที่ข้อกำหนดระบุไว้ชัดเจนว่าอนุญาตให้เฉพาะ 06.00-18.00 น.เท่านั้น
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบดาวเทียมทางอากาศ ยังพบว่า ผู้ประกอบการได้นำทรายวางกั้นเป็นแนวฉาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทิศทางการไหลของแม่น้ำโขง ทำให้น้ำซัดเข้าฝั่งประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้ตลิ่งฝั่งประเทศไทยมีแนวโน้มทรุดและพังทรายลงมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ หากยังไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง แผ่นดินไทยจะหดหายไป ส่วนลาวจะได้พื้นที่ดินเพิ่มมากขึ้นจากดินที่เกิดขึ้นใหม่ริมฝั่งโขง จึงต้องการให้ทั้งสองประเทศหาทางแก้ปัญหาดังกล่าวนี้โดยด่วน