ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าท่าภูเก็ตเสนอจดทะเบียนเจ็ตสกีเพื่อให้เช่า หวังแก้ปัญหารื้อรังทั้งแอบนำเจ็ตสกีผิดกฎหมายให้บริการ และเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เผย ปัจจุบันมี 286 ลำ จะควบคุมไม่ให้เพิ่มเด็ดขาด ขณะที่ผู้ประกอบการเห็นด้วยจดทะเบียนเพื่อให้เช่าพร้อมเรียกร้องหน่วยงานรัฐควบคุมอย่างเข้มงวดให้เพิ่มขึ้นและทำตามนโยบายของจังหวัด
วันนี้ (26 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมพิจารณาแก้ปัญหาเจ็ตสกี โดยมี นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธ์ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ภูเก็ต นายก อบต.เชิงทะเล ประธานชมรมเจ็ตสกีจังหวัดภูเก็ต ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมประกอบธุรกิจประกันภัยจังหวัดภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการเจ็ตสกีในพื้นที่หาดบางเทา ได้ร้องเรียนไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล (อบต.) ว่ามีเจ็ทสกีที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่ทางจังหวัดภูเก็ตกำหนดเข้ามาให้บริการที่หาดบางเทา จำนวน 3 ลำ ทาง อบต.จึงได้แจ้งเรื่องมายังจังหวัดภูเก็ต เพื่อดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามนโยบายของจังหวัดภูเก็ตที่มีการควบคุมไม่ให้มีเจ็ตสกีเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้จำนวน 286 ลำ
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธ์ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ชี้แจงว่า ภายหลังจากที่ทางเจ้าท่าฯได้เรื่องดังกล่าวก็ได้ทำการตรวจสอบจนทราบว่าเจ็ทสกีทั้ง 3 ลำ มีเจ้าของเป็นคนต่างชาติแต่ใช้คนไทยออกหน้า ได้ไปขอจดทะเบียนครั้งแรกที่เจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 สมุทรปราการ ใช้เดินเรือในฝั่งอ่าวไทย แต่ผู้ประกอบการกลับนำเจ็ทสกีมาให้บริการที่หาดบางเทา ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าท่าฯและตำรวจน้ำได้ไปตรวจสอบและจับกุมไปแล้ว
หลังจากนั้น ทางผู้ประกอบการได้ไปยื่นเรื่องของย้ายมาใช้ในฝั่งอันดามัน เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เป็นการขัดต่อคำสั่งของอธิบดีกรมเจ้าท่า เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางเจ้าท่าภูเก็ตได้มีหนังสือไปยังอธิบดีกรมเจ้าท่า ในการสั่งการไปยังเจ้าท่าทั่วประเทศไม่ให้จดทะเบียนเจ็ทสกีที่จะนำมาให้บริการที่ภูเก็ต เพื่อสนับสนุนนโยบายของจังหวัดภูเก็ตในการจัดระเบียบเจ็ทสกี ซึ่งขณะนี้ทางอธิบดีกรมเจ้าท่าได้สั่งการให้ทางเจ้าท่าสมุทรปราการพิจารณายกเลิกการจดทะเบียนเจ็ตสกีทั้ง 3 ลำแล้ว
นายภูริพัฒน์ กล่าวอีกว่า การต่อใบอนุญาตเจ็ตสกีในภูเก็ตนั้น ทางเจ้าท่าจะดำเนินการก็ต่อเมื่อเจ็ทสกีได้ทำประกันภัยเท่านั้น และทางเจ้าท่าภูเก็ตได้ทำเรื่องเสนอไปยังกรมเจ้าท่าในการพิจารณาจดทะเบียนเจ็ตสกีเพื่อการเช่าโดยเฉพาะ เพื่อให้เจ็ตสกีที่ให้เช่าดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนด ลดปัญหาเรื่องการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะปัญหาการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวด้วยการเรียกเก็บค่าเสียหายที่เกินความเป็นจริง ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมเจ้าท่า
ด้าน นางสุวิมล แซ่หลิม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมประกอบธุรกิจประกันภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากข้อมูลของบริษัท ศรีอยุธยาประกันภัย ซึ่งเป็นบริษัทที่รับทำประกันภัยเจ็ทสกีแบบสมัครใจ ปรากฎว่าขณะนี้มีเจ็ทสกีที่ทำประกันแล้วไม่ถึง 50% โดยที่หาดป่าตองไป 73 ลำ หาดกะตะ กะรน 38 ลำ ส่วนที่หาดกมลา บางเทา ยังไม่ได้ทำประกันภัย ซึ่งหากการทำประกันภัยไม่ถึง 50% บริษัทประกันภัยอาจยกเลิกการทำประกันภัยได้ เนื่องจากต้นทุนที่สูงเกินไป
อย่างไรก็ตาม ทางผู้ประกอบการเจ็ทสกีที่หาดบางเทา ได้ชี้แจงว่า ในปีนี้ทางผู้ประกอบการเจ็ทสกีที่หาดบางเทาได้เลือกทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยรายอื่นแทน เนื่องจากเบี้ยประกันที่ต่ำกว่า ซึ่งมีเงื่อนไขว่าหากเจ็ทสกีได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเจ้าของจะเป็นผู้ซ้อมเอง แต่หากเสียหายจำนวนมากถึงจะให้ทางบริษัทประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบ
ขณะที่ นายอนุสรณ์ สาแหล ประธานชมรมเจ็ทสกีจังหวัดภูเก็ตและบางเทา กล่าวว่า ผู้ประกอบการเห็นด้วยที่จะให้มีการจดทะเบียนเจ็ตสกีเพื่อให้เช่าโดยเฉพาะเพื่อเป็นการควบคุมไม่ให้เจ็ตสกีที่มีอยู่เพิ่มขึ้น เพราะหากทางจังหวัดไม่ดำเนินการอะไร เชื่อว่า จะมีเจ็ตสกีเพิ่มขึ้นจาก 286 ลำอย่างแน่นอน ซึ่งเท่าที่ทราบขณะนี้มีเพิ่มขึ้นแล้วที่เกาะนาคา จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดในการตรวจตราไม่ให้มีเจ็ตสกีเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งในส่วนนของผู้ประกอบการที่บางเทาได้ปฎิบัติตามนโยบายของจังหวัดตลอดมา ไม่มีการเพิ่มจำนวนเจ็ทสกีแต่อย่างใด
นายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวจะต้องเด็ดขาดไม่ให้มีเจ็ทสกีเพิ่มขึ้น หากปล่อยไว้ในลักษณะที่เป็นอยู่อย่างนี้เชื่อว่าจะมีเจ็ตสกีเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 ลำ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาที่หน้าหาดได้ ทาง อบต.ได้เตรียมที่จะติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวแล้ว 6 จุด
วันนี้ (26 ม.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมพิจารณาแก้ปัญหาเจ็ตสกี โดยมี นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธ์ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ภูเก็ต นายก อบต.เชิงทะเล ประธานชมรมเจ็ตสกีจังหวัดภูเก็ต ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมประกอบธุรกิจประกันภัยจังหวัดภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการเจ็ตสกีในพื้นที่หาดบางเทา ได้ร้องเรียนไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล (อบต.) ว่ามีเจ็ทสกีที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่ทางจังหวัดภูเก็ตกำหนดเข้ามาให้บริการที่หาดบางเทา จำนวน 3 ลำ ทาง อบต.จึงได้แจ้งเรื่องมายังจังหวัดภูเก็ต เพื่อดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามนโยบายของจังหวัดภูเก็ตที่มีการควบคุมไม่ให้มีเจ็ตสกีเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้จำนวน 286 ลำ
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธ์ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ชี้แจงว่า ภายหลังจากที่ทางเจ้าท่าฯได้เรื่องดังกล่าวก็ได้ทำการตรวจสอบจนทราบว่าเจ็ทสกีทั้ง 3 ลำ มีเจ้าของเป็นคนต่างชาติแต่ใช้คนไทยออกหน้า ได้ไปขอจดทะเบียนครั้งแรกที่เจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 สมุทรปราการ ใช้เดินเรือในฝั่งอ่าวไทย แต่ผู้ประกอบการกลับนำเจ็ทสกีมาให้บริการที่หาดบางเทา ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าท่าฯและตำรวจน้ำได้ไปตรวจสอบและจับกุมไปแล้ว
หลังจากนั้น ทางผู้ประกอบการได้ไปยื่นเรื่องของย้ายมาใช้ในฝั่งอันดามัน เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เป็นการขัดต่อคำสั่งของอธิบดีกรมเจ้าท่า เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางเจ้าท่าภูเก็ตได้มีหนังสือไปยังอธิบดีกรมเจ้าท่า ในการสั่งการไปยังเจ้าท่าทั่วประเทศไม่ให้จดทะเบียนเจ็ทสกีที่จะนำมาให้บริการที่ภูเก็ต เพื่อสนับสนุนนโยบายของจังหวัดภูเก็ตในการจัดระเบียบเจ็ทสกี ซึ่งขณะนี้ทางอธิบดีกรมเจ้าท่าได้สั่งการให้ทางเจ้าท่าสมุทรปราการพิจารณายกเลิกการจดทะเบียนเจ็ตสกีทั้ง 3 ลำแล้ว
นายภูริพัฒน์ กล่าวอีกว่า การต่อใบอนุญาตเจ็ตสกีในภูเก็ตนั้น ทางเจ้าท่าจะดำเนินการก็ต่อเมื่อเจ็ทสกีได้ทำประกันภัยเท่านั้น และทางเจ้าท่าภูเก็ตได้ทำเรื่องเสนอไปยังกรมเจ้าท่าในการพิจารณาจดทะเบียนเจ็ตสกีเพื่อการเช่าโดยเฉพาะ เพื่อให้เจ็ตสกีที่ให้เช่าดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนด ลดปัญหาเรื่องการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะปัญหาการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวด้วยการเรียกเก็บค่าเสียหายที่เกินความเป็นจริง ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมเจ้าท่า
ด้าน นางสุวิมล แซ่หลิม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมประกอบธุรกิจประกันภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากข้อมูลของบริษัท ศรีอยุธยาประกันภัย ซึ่งเป็นบริษัทที่รับทำประกันภัยเจ็ทสกีแบบสมัครใจ ปรากฎว่าขณะนี้มีเจ็ทสกีที่ทำประกันแล้วไม่ถึง 50% โดยที่หาดป่าตองไป 73 ลำ หาดกะตะ กะรน 38 ลำ ส่วนที่หาดกมลา บางเทา ยังไม่ได้ทำประกันภัย ซึ่งหากการทำประกันภัยไม่ถึง 50% บริษัทประกันภัยอาจยกเลิกการทำประกันภัยได้ เนื่องจากต้นทุนที่สูงเกินไป
อย่างไรก็ตาม ทางผู้ประกอบการเจ็ทสกีที่หาดบางเทา ได้ชี้แจงว่า ในปีนี้ทางผู้ประกอบการเจ็ทสกีที่หาดบางเทาได้เลือกทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยรายอื่นแทน เนื่องจากเบี้ยประกันที่ต่ำกว่า ซึ่งมีเงื่อนไขว่าหากเจ็ทสกีได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเจ้าของจะเป็นผู้ซ้อมเอง แต่หากเสียหายจำนวนมากถึงจะให้ทางบริษัทประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบ
ขณะที่ นายอนุสรณ์ สาแหล ประธานชมรมเจ็ทสกีจังหวัดภูเก็ตและบางเทา กล่าวว่า ผู้ประกอบการเห็นด้วยที่จะให้มีการจดทะเบียนเจ็ตสกีเพื่อให้เช่าโดยเฉพาะเพื่อเป็นการควบคุมไม่ให้เจ็ตสกีที่มีอยู่เพิ่มขึ้น เพราะหากทางจังหวัดไม่ดำเนินการอะไร เชื่อว่า จะมีเจ็ตสกีเพิ่มขึ้นจาก 286 ลำอย่างแน่นอน ซึ่งเท่าที่ทราบขณะนี้มีเพิ่มขึ้นแล้วที่เกาะนาคา จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดในการตรวจตราไม่ให้มีเจ็ตสกีเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งในส่วนนของผู้ประกอบการที่บางเทาได้ปฎิบัติตามนโยบายของจังหวัดตลอดมา ไม่มีการเพิ่มจำนวนเจ็ทสกีแต่อย่างใด
นายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวจะต้องเด็ดขาดไม่ให้มีเจ็ทสกีเพิ่มขึ้น หากปล่อยไว้ในลักษณะที่เป็นอยู่อย่างนี้เชื่อว่าจะมีเจ็ตสกีเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 ลำ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาที่หน้าหาดได้ ทาง อบต.ได้เตรียมที่จะติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวแล้ว 6 จุด