นครศรีธรรมราช - ป้ายยินดี “ณัฐวุฒิ” หน้าโรงเรียนเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราชทำอาจารย์ผวา-ปัดวุ่น นายกสมาคมศิษย์เก่าเชื่อ “ใครทำอะไร ย่อมได้รับผลนั้น” ขณะที่ศิษย์เก่านัดหมายกันไปแสดงจุดยืน และเรียกร้องให้โรงเรียนปลดป้ายแสดงความยินดีดังกล่าวออกไปในวันพรุ่งนี้
ภายหลังจากกระแสความไม่พอใจของศิษย์เก่าโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ต่อกรณีการขึ้นป้ายแสดงความยินดีกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นศิษย์เก่าในโรงเรียนแห่งนี้ มีขนาดความยาวประมาณ 50 เมตร สูงประมาณ 2-3 เมตร โดยความไม่พอใจนั้นได้ไปปรากฏในโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง และมีการแสดงความเห็นหลากหลาย ส่วนใหญ่แสดงความไม่เห็นด้วยที่มีการขึ้นป้ายเช่นนี้
โดยมีเหตุผลในคราวที่นายณัฐวุฒิเป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และแสดงความก้าวร้าวต่อผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคน รวมทั้งครูบาอาจารย์ที่ออกมาตักเตือนถึงการกระทำ ซึ่งในครั้งนั้นได้มีการอัปเปหินายณัฐวุฒิออกจากการเป็นสายเลือดขาวแดง ของสายสัมพันธ์ศิษย์เบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราช ซึ่งหลังจากที่มีการขึ้นป้ายแสดงความยินดีอย่างใหญ่โตได้สร้างความไม่พอใจให้กับศิษย์เก่าจำนวนมากที่นัดหมายกันไปแสดงจุดยืน และเรียกร้องให้โรงเรียนปลดป้ายแสดงความยินดีดังกล่าวออกไปในวันที่ 24 มกราคมนี้
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอพบกับนายณรงค์ ทองขาว ผู้อำนวยการโรงเรียน โดยได้มีนายฉลองรัฐ รัฐธรรม อาจารย์ในโรงเรียนได้ออกมาพบและบอกว่า ผอ.ไม่อยู่ ขณะเดียวกัน มีอาจารย์อีกรายได้มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวด้วยทีท่าที่ไม่ค่อยปกตินัก โดยสอบถามว่า “มีกล้องมาด้วยหรือเปล่า” ก่อนที่จะเดินหลบออกไป ส่วนนายฉลองรัฐ รัฐธรรม ได้พยายามติดต่อรองผู้อำนวยการเพื่อให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว แต่ได้รับคำตอบว่าผู้อำนวยการไม่ได้มอบเรื่องไว้ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อกับนายณรงค์ ทองขาว ผอ.โรงเรียนทางโทรศัพท์ แต่ไม่รับสาย
อาจารย์รายหนึ่งในโรงเรียนเบญจมราชูทิศเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2553 กระแสเรื่องความไม่พอใจนายณัฐวุฒิที่ไปแสดงบทบาทที่ก้าวร้าวทั้งผู้ใหญ่ ทั้งครูอาจารย์ของเขาบางคน อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วความไม่พอใจนับแต่นั้นกว้างขวางมากทั้งอาจารย์ นักเรียน หรือศิษย์เก่าซึ่งมีการเคลื่อนไหวอย่างที่ทราบกันแล้ว
“การแสดงจุดยืนหรือการคัดค้านในการไม่เห็นด้วยกับการติดป้ายหน้าโรงเรียนส่วนตัวครู ครูเห็นด้วยและครูหลายคนในโรงเรียน รวมทั้งนักเรียนก็คิดเหมือนกัน แต่เข้าใจผู้บริหารเช่นเดียวกันก่อนที่จะทำป้ายกันนั้นทราบว่า มีการหารือกันแล้วแต่ไม่ได้เป็นการประชุม ซึ่งขึ้นป้ายแล้วมีผลกระทบตามมา และเมื่อเอาป้ายลงก็มีตามมาอีก ถ้าไม่ขึ้นป้ายตั้งแต่แรกไม่มีผลอะไรเกิดขึ้น ไม่เสียหาย และเห็นด้วยหากมีการเอาป้ายลง และจากการพูดคุยกับนักเรียนบอกได้ว่า นักเรียนรู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดียินร้ายกับนายณัฐวุฒิด้วย” อาจารย์ท่านนี้กล่าว
อาจารย์ท่านเดิมยังกล่าวต่ออีกว่า ก่อนที่เขาจะเข้าสู่การเมืองเขาได้มาที่โรงเรียนแล้วเล่าให้ครูฟังว่า เขาได้ไปหาพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากทราบว่านายมาโนชย์ วิชัยกุล ส.ส.ในเขตบ้านของเขาจะขึ้นระบบบัญชีรายชื่อ แต่ประชาธิปัตย์ไม่รับเขา และบอกว่ามีคนที่ดีกว่า แต่เขาบอกว่าคนนั้นเทียบกับผมไม่ได้ หลังจากนั้นเขาบอกว่าจำเป็นที่จะต้องไปเข้าพรรคไทยรักไทย และสวามิภักดิ์กับทักษิณ การเป็นรัฐมนตรีจะตอบแทนหรือไม่ตอบแทนนั้นไม่ทราบได้เช่นกัน แต่คงเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ในสังคมนี้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้บันทึกภาพเก็บบรรยากาศบริเวณหน้าโรงเรียนที่มีการขึ้นป้าย ผู้ที่ขับรถยนต์ผ่านอยู่บริเวณนั้นได้แวะสอบถามผู้สื่อข่าว และแสดงตัวว่าเป็นศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ เช่นเดียวกัน ในวันพรุ่งนี้ (24 ม.ค.) มีการนัดหมายมาที่โรงเรียนพวกเขาจะมาด้วย มาเอาป้ายนี้ลงไป เห็นป้ายนี้ขนาดใหญ่โต แต่เมื่อดูภาพที่อยู่ด้านหลังแล้วเจ็บใจมาก ป้ายด้านหลังเล็กนิดเดียว
ด้าน นายสุเมธ รุจิวณิชย์วณิชกุล นายกสมาคมศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราช แสดงความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่า ขอแสดงความเห็นในฐานะศิษย์เก่าส่วนตัว ไม่สามารถเป็นตัวแทนของใครได้ว่า โรงเรียนควรจะปลอดจากการเมือง และโดยข้อเท็จจริงนั้นศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราชกระจายอยู่ทุกพรรคการเมือง แล้วแต่ยุคสมัย อย่าไปยินดียินร้ายเพราะเป็นเรื่องของประชาธิปไตย ศิษย์เก่าได้ไปนั่งในตำแหน่งต่างๆ ก็ยินดีด้วย อย่าผลักดันคนให้ไปอยู่สีนั้นสีนี้ ผมชอบประชาธิปไตยแบบประเทศที่เจริญแล้ว การเมืองเมื่อถึงเวลาก็เปลี่ยนหมุนเวียนไป ส่วนที่โรงเรียนไปติดป้ายนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรผมไม่ทราบจริงๆ
ต่อข้อถามศิษย์เก่าไม่พอใจถึงพฤติกรรมของนายณัฐวุฒิที่ก้าวร้าวรุนแรง นายสุเมธกล่าวว่า ต้องยอมรับว่าคนด้วยกันไม่สามารถไปควบคุมอารมณ์จิตใจของคนอีกคนได้ การแสดงออกของใครจะแสดงอะไรก็แสดงไป ไปเบรกไปหยุดเขาไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเมื่อทำแล้วเกิดผลอย่างไรก็ต้องรับผลการกระทำนั้นไป หรือใครทำอะไรก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น