นครศรีธรรมราช - ตำรวจสอบสวนกลางลงลุยปูพรมค้นเหมืองแร่ “นบพิตำ” นครศรีฯ 4 จุดรวด หลังขยายผลพบมีเอี่ยวคดีแร่ “เมืองกาญจน์” สั่งตรวจสอบเครื่องจักร กองแร่ และรถบรรทุกทุกคัน ซึ่งหากพบว่าผิดกฎหมายจะดำเนินคดีทันที
วันนี้ (13 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.ต.ศรีวรา รังสิพราหมณ์กุล รอง ผบช.ตำรวจสอบสวนกลาง พ.ต.อ.นรศักดิ์ เหมนิธิ รก.ผบก.ปทส. พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผกก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.ณรงค์เดช กมลบุตร รอง ผกก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.พรเทพ อินทรบ้าน สว.กก.5 ปทส.พร้อมด้วยกำลังตำรวจสอบสวนกลางนับร้อยนาย ได้เดินทางลงพื้นที่นครศรีธรรมราช เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผล หลังสอบสวนคดีการจับกุมเหมืองแร่ขนาดใหญ่ในพื้นที่ป่าวังใหญ่-แม่น้ำน้อย ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พบว่า มีความเชื่อมโยงกับบริษัทเหมืองแร่ใน จ.นครศรีธรรมราช
พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผกก.5 ปทส. เปิดเผยว่า ในเอกสารหลักฐานจากการจับกุมดังกล่าวนั้นมีการตรวจยึดแร่แบไรท์จำนวนมาก ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าอาจมีการปลอมแปลงเอกสารใบอนุญาตการขนย้ายแร่แบไรท์ ฉบับที่ 71 เลขที่ 190/2554 โดยสงสัยว่ามีการระบุทะเบียนรถขนแร่ มีการแก้ไขตกแต่งเพิ่มจำนวนรถที่เข้าไปขนแร่ ซึ่งต้องผ่านในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยจะต้องได้รับอนุญาต ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารดังกล่าวกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้ระบุยืนยันว่าสงสัยอาจมีการปลอมแปลงตราประทับอุตสาหกรรมจังหวัด เจ้าหน้าที่จึงขยายผลลงพื้นที่นครศรีธรรมราช กระจายกำลัง 4 จุดในการตรวจค้น
โดยตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ พนักงานสอบสวน บก.5 ปทส.ได้เข้ายื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอหมายค้นเป้าหมายจำนวน 4 จุด คือ บ้านเลขที่ 1 ถ.พัฒนาการคูขวาง ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช บ้านเลขที่ 76-77 ถ.พัฒนาการคูขวาง ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช บริษัท สินหลวง จำกัด ม.1 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช และบริษัท ฟูจิไมน์นิ่ง จำกัด ภูเขานายปาน ม.1 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช โดยศาลได้อนุมัติหมายค้นเลขที่ 9, 10, 11, 12 /2555 ลงวันที่ 13 ม.ค.55 รวม 4 ฉบับ
โดยใน 2 จุดแรกนั้นเพื่อเข้าตรวจค้นหาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการขนย้ายแร่ พร้อมด้วยตราประทับต่างๆ เครื่องพิมพ์ดีดที่ใช้ในการพิมพ์เอกสาร ส่วน บริษัทสินหลวงจำกัด ซึ่งเป็นโรงแต่งแร่ ต้องสงสัยว่าอาจมีการนำแร่ที่ได้จากพื้นที่หมดอายุสัมปทานมาตกแต่งก่อนจำหน่าย และ บริษัท ฟูจิไมน์นิ่ง จำกัด ต้องสงสัยว่าอาจมีการทำแร่ในเขตสัมปทานบัตรที่หมดอายุไปแล้ว รวมทั้งการตรวจสอบพื้นที่ กองแร่ตรงกับจำนวนที่แจ้งการครอบครองหลังจากหมดสัมปทานหรือไม่
โดยเจ้าหน้าที่ได้แบ่งออกเป็น 4 ชุดปฏิบัติการ โดย 2 จุดใหญ่ที่เข้าปฏิบัติคือที่ บริษัทสินหลวงจำกัด ได้นำหมายเข้าทำการตรวจค้นพร้อมทั้งตรวจสอบแร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่ายังมีการขนย้ายเข้ามากองในจุดรวบรวมอย่างต่อเนื่อง
จุดต่อมาคือ บริษัท ฟูจิไมน์นิ่ง จำกัด เขานายปาน ม.1 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ พบว่ามีการกองสินแร่เหล็ก สินแร่แบไรท์ ไว้เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน โดยในจุดนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบเขตสัมปทานบัตรเลขที่ 19796/13899 ซึ่งหมดอายุไปตั้งแต่ปี 2554 และใบอนุญาตการถางป่าหมดอายุไปในห้วงเวลาเดียวกัน พบว่า มีการปลูกสร้างโรงเรือนเก็บวัตถุระเบิด แอมโนเนียมไนเตรตเพื่อใช้ในการขยายแรงระเบิด และโรงเก็บเชื้อปะทุอยู่ในเขตป่าสงวน แต่ไม่ปรากฏวัตถุระเบิดถูกเก็บอยู่ภายใน นอกจากนี้ มีเครื่องจักรกลหนักจอดอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก แต่ทั้งหมดคล้ายมีร่องรอยเพิ่งใช้งานได้ไม่นาน และในพื้นที่สัมปทานมีร่องรอยล้อเครื่องกลหนักวิ่งผ่านใหม่ก่อนที่เจ้าหน้าที่ไปถึงได้ไม่นาน
พล.ต.ต.ศรีวรา รังสิพราหมณ์กุล รองผบช.ตำรวจสอบสวนกลาง ได้เข้าอำนวยการการตรวจสอบพื้นที่ด้วยตนเอง โดยได้เรียกเอกสารสิทธิ์ที่ดินนอกเหนือเขตสัมปทานมาตรวจสอบ รวมถึงเอกสารสัมปทานบัตร เนื่องจากการสืบสวนสอบสวนก่อนหน้านี้พบว่ายังมีการขนย้ายแร่ออกจากพื้นที่และมีการทำเหมืองอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม นายวิทยา เจ้ยเปี้ยว ผู้จัดการบริษัทฟูจิไมน์นิ่งจำกัด ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ ว่า บริษัทได้หยุดทำเหมืองในเขตสัมปทานไปทันทีหลังจากหมดอายุสัมปทานไปแล้ว
หลังจากนั้น พล.ต.ต.ศรีวรา รังสิพราหมณ์กุล รองผบช.ตำรวจสอบสวนกลาง ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด ป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมประชุมหารือ โดยเจ้าหน้าที่บางคนมีท่าทีอึดอัดและเครียดอย่างเห็นได้ชัด โดย รองผบช.ก.ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายนำเอกสารที่เกี่ยวข้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียด ขณะเดียวกันฝนได้ตกลงมาอย่างหนักจนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่เหมืองได้
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้สั่งตรวจสอบเครื่องจักร กองแร่ และรถบรรทุกทุกคัน ซึ่งหากพบว่าผิดกฎหมายจะดำเนินคดีทันที นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าจนถึง 15.00 น.ของวันเดียวกันนั้นการตรวจสอบยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ
