xs
xsm
sm
md
lg

“เทือก” พร้อมให้ปากคำคดี 13 ศพ ยันทุกอย่างทำตามกฎหมาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เทพเทือก” พร้อมให้ปากคำคดี 13 ศพช่วงแก๊งแดงเผาเมือง ยันทุกอย่างทำตามกฎหมาย ระบุ “เฉลิม” ประโคมข่าวยัดเยียดเป็นผู้ต้องหา หวังใช้เป็นข้ออ้างออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมช่วยทุกฝ่าย แต่เป้าหมายสำคัญอยู่ที่ “ทักษิณ” บอกอย่ามาล้างความผิดให้เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด แนะ “นช.แม้ว” ไม่ต้องส่งคนมาเจรจาสร้างความปรองดอง ปชป.พร้อม แต่อย่าเอามาอ้างทำเพื่อคนๆ เดียว รับหดหู่ใจ “จตุพร” กร่างอยากไปดูหน้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงคดีการเสียชีวิต 13 ศพในเหตุการณ์ความไม่สงบเดือน เม.ย.-พ.ค.2553 ว่า ตนได้รับหนังสือเมื่อตอนเที่ยงของเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.จากรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 และขอให้ตนไปให้ปากคำในฐานะพยาน ซึ่งมีคนอ้างถึงว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 นั้น เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และตน เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตซึ่งในหนังสือขอให้ตนไปให้ปากคำในวันนี้ (2 ธ.ค.) เวลา 13.30 น.และขอให้เอาเอกสารประกอบการชี้แจงไปด้วย

ทั้งนี้ เมื่อตนได้รับหนังสือแล้วก็ต้องใช้เวลา เพราะเรื่องผ่านมาปีกว่าแล้ว และไม่ได้เก็บรวบรวมคำสั่งต่างๆ เอาไว้ ตนจึงได้ทำหนังสือตอบไปเมื่อวาน (1 ธ.ค.) ทันที พร้อมทั้งได้ส่งแฟกซ์ไปให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนโดยตรงด้วย โดยระบุว่าตนมีภารกิจอื่น คือ การทำครัวอาสาฯ ชาวใต้ เพื่อจัดอาหารเลี้ยงผู้ประสบอุทกภัยกว่า 21 สาขา ซึ่งตนยินดีให้ความร่วมมือ โดยจะไปให้ปากคำในวันที่ 15 ธ.ค.เวลา 14.00 น.ซึ่งต่อจากนี้ไปตนก็จะไปรวบรวมคำสั่งที่เขาได้กล่าวอ้างถึงว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นก็จะไปดูข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ามีรายละเอียดอะไรบ้างที่สมควรเตรียมไปให้พร้อม

นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้ติดต่อกับนายอภิสิทธิ์ ว่า จะเดินทางไปพร้อมกันหรือไม่ แต่ก็แปลกใจว่าทำไมถึงได้หนังสือเชิญเกือบจะพร้อมๆ กัน เพราะในหนังสือลงวันที่ 27 พ.ย.ตนก็คิดว่าอาจจะมาถึงช้า เพราะบ้านตนน้ำท่วม ไปรษณีย์อาจจะมาไม่ถึง แต่ตนก็ไม่เห็นตราประทับของไปรษณีย์ ส่วน นายอภิสิทธิ์ เพิ่งจะได้รับเมื่อคืน เลยแปลกใจว่าบ้านท่านอภิสิทธิ์ น่าจะไปง่ายกว่าบ้านตนที่ถูกน้ำท่วม วันเดียวก็น่าจะถึง ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาเร่งรัดเอากับตน เพราะเห็นมีการบอกว่าพนักงานสอบสวนจะสรุปให้ได้ภายในวันที่ 17 ธ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ตนเดินทางไปให้ปากคำวันเดียวก็ยินดีให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ ระหว่างนี้อยากได้อะไรเพิ่มเติมก็บอกมาได้ จะได้เตรียมไปให้ครบ เพราะต้องการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างแท้จริง แม้ทุกอย่างดูเหมือนจะรุมถล่มมาที่ตน แต่ตนไม่น่วมแน่นอน เรามันเป็นทองแท้ ไม่แพ้ไฟอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในระหว่างนี้จะมีการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องในช่วงที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มาให้ข้อมูลหรือนำเอกสารมาให้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนดูเท่าที่จำเป็น เพราะเจ้าหน้าที่ของ ศอฉ.ตอนนั้นรวมกันมาจากหลายกระทรวง แต่วันนี้ก็กระจัดกระจายกันไป ตนก็ไปดูเท่าที่เห็นว่ามีความจำเป็นคงจะไม่ไปรบกวนใครเท่าไหร่ กรณีคำสั่งของ ศอฉ.นั้น มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาอยู่แล้ว ซึ่งก็ต้องไปค้นหาดูในเว็บไซต์ แต่ที่หายากหน่อย คือ บรรดาประกาศที่ไม่ได้ลงในราชกิจจานุเบกษา และคำสั่งการปฏิบัติการต่างๆ ที่ต้องใช้เวลารวบรวม

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า จะได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าไปกังวล ตนทำใจแล้ว เพราะตอนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ทำนองว่าจะเรียกตนไปสอบ แต่ตอนนั้นตนยังไม่เห็นเรื่อง พยายามทำให้คนเข้าใจว่าตนต้องเป็นผู้ต้องหา หรือจำเลยไปแล้ว ซึ่งตนงงมากว่าเอาที่ไหนมาพูด เพราะตนยังไม่เห็นหนังสือเชิญไปให้ปากคำเลย เพิ่งมาได้เมื่อวาน จึงมาเข้าใจว่าเขาต้องการตีข่าว ประโคมข่าว สร้างภาพเอาไว้ก่อน คงจะมีวัตถุประสงค์ที่กำหนดเอาไว้ในใจแล้ว แต่ก็ต้องดูกันไป ยืนยันว่าตนไม่กังวลเพราะทุกอย่างมีข้อเท็จจริงปรากฎชัดอยู่ และเป็นเรื่องที่ประชาชนทั้งประเทศที่ติดตามสถานการณ์เข้าใจได้อย่างดี ดังนั้น เราก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง

นายสุเทพ กล่าวว่า ในการประกาศคำสั่งของ ศอฉ.แต่ละครั้งจะมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว ซึ่งตนก็สามารถนำมาชี้แจงได้ เพราะการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉินมีกฎหมายเฉพาะคือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 ซึ่งในกฎหมายฉบับนี้ก็ระบุไว้ชัดเจนว่าจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างไรบ้าง เช่น ในกฎหมายฉบับนี้เมื่อเราบังคับใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินให้คืนสู่ปกติสุข เราสามารถออกข้อกำหนดห้ามไม่ไว้ไปชุมนุมตรงนั้น ตรงนี้ ห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ตรงนั้นตรงนี้ หรือแม้กระทั่งห้ามไม่ให้ออกจากบ้านในเวลาใด หรือเรียกว่าเคอฟิวร์ได้ เพื่อป้องกันเหตุร้ายอันอาจจะบังเกิดขึ้นกับส่วนรวม แต่การกระทำอย่างนี้มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า กรณีที่จะทำอย่างนี้ซึ่งอาจไปกระทบกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนจะต้องทำได้โดยการประกาศอะไรต่างๆ ซึ่งเราก็ต้องทำตามขั้นตอนนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนว่า รัฐบาลพยายามจะดึงเรื่องนี้ให้ไปเกี่ยวข้องกับการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายสุเทพ กล่าวว่า มีคนหลายคนเมื่อรู้เรื่องนี้ ได้โทรศัพท์และเขียนจดหมายมาหาตนว่า การที่นายอภิสิทธิ์ หรือตนได้ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด และเขาเข้าใจว่า การที่พยายามจะยัดเยียดให้นายอภิสิทธิ์หรือตนต้องกลายเป็นผู้ต้องหาแม้ขณะนี้เขายังไม่ได้ทำ มีคนให้ความเห็นว่า เพราะเขาต้องการเอาไปใช้ประโยชน์ในตอนที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสภา เพื่อชี้ให้เห็นว่าการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น เขาไม่ได้นิรโทษกรรมให้คนของเขาเท่านั้น แต่นิรโทษกรรมให้ทุกคน รวมทั้งตนและนายอภิสิทธิ์ด้วย

“ผมขอบอกไว้เลยว่า ไม่ต้องคิดมาเผื่อแผ่ถึงผม ผมไม่รับการนิรโทษกรรม เพราะว่าเราไม่ได้ทำอะไรที่ผิด เราเป็นคนรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เราปกป้องบ้านเมือง เราปกป้องประชาชนส่วนใหญ่ให้สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ การทำหน้าที่ของเราไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายไม่ต้องมานิรโทษกรรมให้” นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ กล่าวว่า เจตนาการนิรโทษกรรมของเขาชัดเจน เมื่อเดินในแนวทางอภัยโทษไม่ได้ ก็เปลี่ยนเป็นแนวทางการนิรโทษกรรมแทน เพราะเป้าหมายเขาชัดเจนตั้งแต่ต้น ว่า ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้พ้นผิด ได้รับทรัพย์สินคืน และได้อำนาจคืนก็ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งคนมาประสานว่าอยากเจรจากับพรรคประชาธิปัตย์ในการสร้างความปรองดอง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่เรื่องแนวทางการปรองดอง นายอภิสิทธิ์ ได้เป็นผู้ริเริ่มตั้งแต่อยู่ในระหว่างวิกฤตตอนที่ นปช.ชุมนุม และเสนอแนวทางว่าจะยุบสภา จะเลือกตั้ง ขอให้ยุติการชุมนุม เขาก็ปฏิเสธไม่รับ แต่เมื่อมาถึงวันนี้ พวกตนยืนยันว่า ต้องการให้บ้านเมืองมีความสงบสุข ให้กลไกทั้งหลาย ระบบต่างๆ เดินไปอย่างปกติราบรื่น ดังนั้น ไม่ต้องมาชวน แต่ยินดีที่จะร่วมมืออยู่แล้วเรื่องการปรองดอง พร้อมปรองดองกับทุกคน ทุกฝ่าย แต่การปรองดองนั้นไม่ใช่เอาเรื่อง เอาเหตุของการปรองดองมาอ้างเพื่อให้ได้ประโยชน์สำหรับคนใดคนหนึ่ง ต้องพูดถึงประโยชน์ของส่วนรวม

ส่วนที่สถาบันพระปกเกล้า มีการเสนอแนวทางการปรองดองให้รัฐบาล แต่รัฐบาลก็ไม่เอา นายสุเทพ กล่าวว่า ฝ่ายพวกเขาพูดกันหลายรูปแบบ ต่างคนต่างพูด พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พูดอย่างหนึ่ง นายกฯ พูดอย่างหนึ่ง ส่วน นปช.ก็พูดอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้น เราก็ต้องติดตามให้ดีว่าเขาจะเอากันอย่างไร อย่าเพิ่งรีบไปวิพากษ์วิจารณ์ตอนนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ จะคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเป็นของขวัญวันปีใหม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจเขาจริงๆ ให้ไปถามเขาเองดีกว่า แม้จะเป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะออกได้ แต่เขาพูดอะไรไปก็มีคนได้ยินได้ฟัง และจะไปตั้งคำถามให้เขาไปอธิบายเอาเอง

ส่วนกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ขาดจากการเป็นสมาชิกภาพ กลับมีกระแสว่า จะมีการเกณฑ์คนเสื้อแดงเข้ามากดดันนั้น ตนเห็นว่า ถ้าปากบอกว่าอยากปรองดอง ต้องการให้บ้านเมืองสงบ แต่กลับสร้างความเคลื่อนไหว ข่มขู่ กดดัน อยู่ทุกวัน ก็ทำให้สงบยาก รวมทั้งยังทำให้ประชาชนกลุ่มอื่นๆ เขาระอาใจ รำคาญ ทั้งนี้ เรื่องของ นายจตุพร กกต.ไม่ควรไปรับรองตั้งแต่ต้น แต่ตนก็ไม่อยากไปวิจารณ์

นอกจากนี้ ตนได้ข่าวที่ นายจตุพร ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะขอไปดูหน้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตนดูแล้วก็หดหู่ใจ ว่า คนที่มีความคิดแบบนี้ไม่ยอมรับกฎเกณฑ์กติกาอะไรทั้งสิ้น ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย เอาพวกมากเข้ามาข่มขู่ เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ ทั้งนี้ ตนไม่อยากเรียกร้องอะไร เพราะบ้านเมืองบอบช้ำมามากพอแล้ว เราก็ว่าไปตามกฎเกณฑ์กติกาก็พอ เพราะถ้าทุกคนต่อสู้ในรูปแบบกติกาปกติ คงทำให้เหตุการณ์คลี่คลายไปได้
กำลังโหลดความคิดเห็น