“นิพิฏฐ์” อัด “ปู” ไร้กึ๋น จัดเป็นพวกคนโง่ที่ขยัน นำวิบัติสู่ประเทศ ไม่ว่าปรับ ครม.กี่ครั้ง ถ้านายกฯยังเป็นอย่างนี้ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ไล่รัฐบาลสุมหัวเลือกนายกฯใหม่ อัดรัฐบาลใจดำปล่อย ปชช.ถูกไฟดูดเกิน 50 ราย เตรียมทำหนังสือถึงสภาทนายความ ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเป็นตัวแทนผู้ประสบภัย ฟ้องรัฐบาล ด้านโฆษกรัฐบาล แนะคน กทม.เตรียมบัตร ปชช.-ทะเบียนบ้าน ไว้เบิกเงินช่วยเหลือ 5 พันบาท
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง รมช.มหาดไทย เงา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทำงานแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล ว่า ปัญหาการบริหารของประเทศในขณะนี้อยู่ที่ตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีขีดความสามารถไม่ถึงขั้นเป็นนายกฯ ถ้าประเทศอยู่ในสภาวะปกติ ก็สามารถประคับประคองได้ แต่เมื่อประเทศเกิดวิกฤตแล้วความสามารถของนายกฯไม่พอ ก็ยิ่งทำให้ประเทศเกิดวิกฤติมากขึ้น จะเกิดความเสียหายจากความไม่มีกึ๋นของนายกฯ ที่ไม่มีบารมี ไม่มีความสามารถในการกำกับรัฐมนตรีให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้
ดังนั้น ไม่ว่าจะปรับ ครม.กี่ครั้ง แต่หากนายกฯยังเป็นอย่างนี้ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หากเห็นแก่ประเทศชาติ สงสารประเทศไทย ทุกคนที่เป็นรัฐบาลควรสุมหัวกันแล้วเลือกคนที่มีความสามารถเข้ามาเป็นนายกฯ คนใหม่ เพราะถึงเวลาแล้วที่เราต้องเปลี่ยนตัวนายกฯเพื่อประเทศไทย โดยอาจจะเอาคนจากพรรคเพื่อไทยที่มีเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ก็ต้องเอาคนที่มีความสามารถในการบริหารประเทศ และการเมืองได้
ส่วนโอกาสที่จะเปลี่ยนตัวนายกฯ เป็นไปได้น้อย เพราะต้องเป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องการ นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า ถือเป็นบาปกรรม เป็นเคราะห์ของประเทศไทย ที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชี้ได้ว่าใครจะเป็นนายกฯ โดยไม่ได้ดูที่ความสามารถ แต่เลือกจากคนใกล้ตัว ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องมานั่งคิด ต้องเปลี่ยนการบริหาร การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปพูดที่ จ.นครสวรรค์ ไปโบกมือ ขอเสียงปรบมือให้กำลังใจตัวเอง มันเป็นภาพการหาเสียง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่การหาเสียง แต่เป็นช่วงการแก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่อันตราย คือ นายกฯจัดอยู่ในกลุ่มคนโง่ที่ขยัน ยิ่งขยันก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาวิกฤตกับบ้านเมือง โดยเฉพาะการบริหารทรัพยากรบุคคล การบริหารของบริจาคที่ ศปภ.ที่ปล่อยให้ ส.ส.เอาของบริจาคมาติดชื่อเป็นของตัวเอง ต่อไปคนจะไม่ร่วมมือแก้ปัญหาหากเกิดวิกฤตอีกจะลำบากกันมากกว่านี้
“ถ้าหลังน้ำลดแล้วเกิดโรคระบาด คนจะตายกันเยอะมาก ถ้าคนยังทนได้ก็ทนอยู่กันไป แต่ถ้าเห็นแก่ลูกหลาน ก็ต้องเร่งไล่นายกฯคนนี้ได้แล้ว และเชื่อว่า ตอนนี้คนใกล้ลุกฮือแล้ว เพียงแต่รอเวลา เพราะยังติดน้ำท่วมจึงไม่สามารถออกมาได้” นายนิพิฏฐ์ กล่าวและว่า ที่ตนพูดไม่ได้หมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์จ้องจะให้มีการสวิงขั้วตั้งรัฐบาลแข่ง เพราะไม่มีโอกาสเป็นไปได้อยู่แล้ว เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีเสียงส.ส.เป็นเสียงข้างมากอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของรัฐมนตรี มีกระทรวงไหนที่ควรปรับเปลี่ยนบ้าง นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า หากเปลี่ยนนายกฯ ก็สามารถเปลี่ยนรัฐมนตรีทั้ง ครม.ได้โดยปริยาย นอกจาก พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ ที่เงียบๆ แล้ว ยังมี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ซึ่งต้องทำงานประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ แต่กลับมีการให้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม มาทำหน้าที่แทน ซึ่งรัฐบาลคงเห็นว่า พล.ต.อ.ประชา เคยเป็นอธิบดีกรมตำรวจ เคยคุมตำรวจน้ำ เลยคิดว่าจะเอาตำรวจมาจับน้ำ
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้นายกฯต้องมานั่งหัวโต๊ะคิดมาตรการแก้ปัญหาโรคระบาดอย่างเข้มข้น เพราะในอดีตเคยเกิดโรคห่าระบาดคนตายเป็นหมื่นเป็นแสนคน ซึ่งหลังน้ำท่วมครั้งนี้จะเริ่มเข้าฤดูหนาว คนจะเป็นหวัดง่าย และที่ผ่านมาเคยเกิดโรคหวัดกลายพันธุ์มาแล้ว อีกทั้งจะมีตัวเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ฝังอยู่ ถ้าผสมกับเชื้อหวัดอาจจะเกิดหวัดสายพันธุ์ใหม่ คนจะเจ็บป่วยกันมากขึ้น ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่มีการเตรียมการเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่า นายกฯไม่มีกึ๋นไม่มีความเมตาปรานีเลย
“ที่สำคัญ รัฐบาลนี้ใจดำมาก ปล่อยให้คนไทยถูกไฟดูดตายเกิน 50 รายแล้ว หากเป็นต่างประเทศ ญาติของคนเหล่านี้สามารถฟ้องร้องนายกฯ และรัฐบาลได้เลย เพราะตามหลักรัฐศาสตร์ หน้าที่ของรัฐจะต้องป้องกันความเสียหายที่เกิดกับประชาชน ในส่วนที่สามารถป้องกันได้ ซึ่งในเรื่องไฟฟ้าสาธารณะสามารถป้องกันได้ แต่รัฐบาลไม่ทำ ทั้งๆ ที่นายกฯ สามารถเรียก กฟน., กฟภ.มาบอกว่า ถ้าไฟฟ้าดูดคนตาย รัฐบาลจะย้ายคุณออกจากตำแหน่ง รับรองได้ว่าเหตุการณ์ไฟดูดชาวบ้านตายจะไม่เกิดอีก ตอนนี้ผมกำลังทำหนังสือถึงนายกสภาทนายความ เพื่อขอให้ส่งทนายความลงพื้นที่เก็บข้อมูลผู้ที่ถูกไฟฟ้าสาธารณะดูด และให้รวบรวมข้อมูลเพื่อให้สภาทนายความเป็นตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบทำการฟ้องร้องรัฐเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อไป”
ด้าน นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยหลังประชุมเตรียมการสำหรับประชาชนที่ต้องการอพยพใน กทม.ว่า ให้เตรียมพร้อมสิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะเอกสารในการติดต่อกับทางราชการและยา รักษาโรคสำหรับผู้มีโรคประจำตัวโฆษกรัฐบาลยังห่วงชาวบ้านที่ประสบปัญหาเบิกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท เกรงล่าช้าที่เขตนั้น เพื่อความรวดเร็ว สิ่งที่ประชาชนต้องเตรียมคือ บัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน หรือ สัญญาเช่า หรือหนังสือรับรองการเช่าจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลักษณะครัวเรือนที่อยู่อาศัยและหลักเกณฑ์
1.บ้านพักอาศัยที่มีทะเบียนบ้าน 2.บ้านเช่า ผู้เช่าเป็นผู้ได้รับเงินช่วยเหลือ ในกรณีบ้านพักอาศัย/บ้านเช่ามีหลายชั้น ให้ได้รับเงินช่วยเหลือเฉพาะชั้นที่น้ำท่วมถึงเท่านั้น
3.ที่อยู่อาศัยที่เป็นสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีลักษณะถาวรหรือชั่วคราวที่ครัวเรือน ใช้เป็นที่พักอาศัยอยู่เป็นประจำโดยไม่มีทะเบียนบ้าน เช่น บ้านพักคนงาน