ตรัง - ชาวสวนยางจาก 4 อำเภอของ จ.ตรัง รวมตัวกันบริเวณสี่แยกอันดามัน เปิดเวทีประท้วงเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคาตกต่ำ พร้อมแสดงจุดยืนในการเคลื่อนไหวร่วมกับเครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้
วานนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่บริเวณตลาดสดสี่แยกอันดามัน อ.ห้วยยอด ตัวแทนเกษตรกรจาก 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ห้วยยอด อ.วังวิเศษ อ.รัษฎา และ อ.เมือง กว่า 50 คน นัดรวมตัวกันเปิดเวทีไฮด์ปาร์กเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหายางตกต่ำ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลพยุงราคายางพาราให้อยู่ที่ราคา 120 บาทต่อกิโลกรัม หลังจากหลายเดือนที่ผ่านมา ราคายางพาราทั้งราคายางแผ่นดิบ ราคาน้ำยางสด และราคาเศษยางพารา ตกต่ำลงจากประมาณวันละ 3-10 บาท โดยปัจจุบันยางพาราแผ่นดิบมีราคากิโลกรัมละ 84 บาท น้ำยางสด มีราคากิโลกรัมละ 78 บาท และเศษยางพารา มีราคากิโลกรัม 40 บาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2555 ที่ผ่านมา เครือข่ายชวนยางพาราภาคใต้ได้ประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ โดยในที่ประชุมเห็นชอบในหลักการร่วมกันที่จะใช้กลไกตลาดในการยกระดับระดับราคายางพาราให้สูงขึ้น และจะมีการนำข้อเสนอดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ในวันที่ 17 ม.ค. 2555
นายวิรัตน์ อันตรัตน์ ประธานเครือข่ายชาวสวนยางจังหวัดตรัง เปิดเผยถึงการรวมตัวของตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางในครั้งนี้ว่า ถือเป็นการแสดงถึงพลัง และแสดงจุดยืนในการเรียกร้องร่วมกับเครือข่ายชาวสวนยางพาราภาคใต้ หากรัฐบาลยังนิ่งนอนใจ หรือยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาราคายางพารา ตนในฐานะประธานเครือข่ายฯ จะหารือร่วมกับเครือข่ายชาวสวนยาง เพื่อหาแนวการเรียงร้องที่เหมาะสมต่อไป
ส่วนสาเหตุที่ชาวสวนยางพารา จ.ตรัง ยังไม่เดินทางไปร่วมการชุมนุมที่ จ.พัทลุง เนื่องจากจะรอดูความชัดเจนของรัฐบาลในการแก้ปัญหาพยุงราคายางในราคา กก.ละ 120 บาท ว่าจะสามารถทำตามที่รับปากกับชาวสวนยางได้หรือไม่ แต่หลังจากนี้จะมีการปิดถนนประท้วง หรือเพิ่มความรุนแรงเพื่อเป็นการกดดันรัฐบาลหรือไม่นั้น ตนยังให้คำตอบไม่ได้ เพราะต้องรอประชุมเครือข่ายชาวสวนยางพารา 14 จังหวัดภาคใต้ ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ก่อน แต่มติที่ประชุมจะเป็นอย่างไร ก็จะดำเนินการตามนั้น
ด้าน นายชิด ชูช่วย ตัวแทนเกษตรกร กล่าวว่า ทุกวันตนได้รับความเดือดร้อนจากราคายางพาราตกต่ำ รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย และที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยลงมาดูแลช่วยเหลือแก้ปัญหาราคายางให้กับชาวภาคใต้ จะมาก็เฉพาะช่วงหาเสียงเท่านั้น ตนจึงอยากให้รัฐบาลใส่ใจ และจริงใจกับปัญหาของพี่น้องทางภาคใต้ และเรียกร้องให้ ส.ส.ในพื้นที่ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านด้วย
วานนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่บริเวณตลาดสดสี่แยกอันดามัน อ.ห้วยยอด ตัวแทนเกษตรกรจาก 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ห้วยยอด อ.วังวิเศษ อ.รัษฎา และ อ.เมือง กว่า 50 คน นัดรวมตัวกันเปิดเวทีไฮด์ปาร์กเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหายางตกต่ำ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลพยุงราคายางพาราให้อยู่ที่ราคา 120 บาทต่อกิโลกรัม หลังจากหลายเดือนที่ผ่านมา ราคายางพาราทั้งราคายางแผ่นดิบ ราคาน้ำยางสด และราคาเศษยางพารา ตกต่ำลงจากประมาณวันละ 3-10 บาท โดยปัจจุบันยางพาราแผ่นดิบมีราคากิโลกรัมละ 84 บาท น้ำยางสด มีราคากิโลกรัมละ 78 บาท และเศษยางพารา มีราคากิโลกรัม 40 บาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2555 ที่ผ่านมา เครือข่ายชวนยางพาราภาคใต้ได้ประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ โดยในที่ประชุมเห็นชอบในหลักการร่วมกันที่จะใช้กลไกตลาดในการยกระดับระดับราคายางพาราให้สูงขึ้น และจะมีการนำข้อเสนอดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ในวันที่ 17 ม.ค. 2555
นายวิรัตน์ อันตรัตน์ ประธานเครือข่ายชาวสวนยางจังหวัดตรัง เปิดเผยถึงการรวมตัวของตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางในครั้งนี้ว่า ถือเป็นการแสดงถึงพลัง และแสดงจุดยืนในการเรียกร้องร่วมกับเครือข่ายชาวสวนยางพาราภาคใต้ หากรัฐบาลยังนิ่งนอนใจ หรือยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาราคายางพารา ตนในฐานะประธานเครือข่ายฯ จะหารือร่วมกับเครือข่ายชาวสวนยาง เพื่อหาแนวการเรียงร้องที่เหมาะสมต่อไป
ส่วนสาเหตุที่ชาวสวนยางพารา จ.ตรัง ยังไม่เดินทางไปร่วมการชุมนุมที่ จ.พัทลุง เนื่องจากจะรอดูความชัดเจนของรัฐบาลในการแก้ปัญหาพยุงราคายางในราคา กก.ละ 120 บาท ว่าจะสามารถทำตามที่รับปากกับชาวสวนยางได้หรือไม่ แต่หลังจากนี้จะมีการปิดถนนประท้วง หรือเพิ่มความรุนแรงเพื่อเป็นการกดดันรัฐบาลหรือไม่นั้น ตนยังให้คำตอบไม่ได้ เพราะต้องรอประชุมเครือข่ายชาวสวนยางพารา 14 จังหวัดภาคใต้ ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ก่อน แต่มติที่ประชุมจะเป็นอย่างไร ก็จะดำเนินการตามนั้น
ด้าน นายชิด ชูช่วย ตัวแทนเกษตรกร กล่าวว่า ทุกวันตนได้รับความเดือดร้อนจากราคายางพาราตกต่ำ รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย และที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยลงมาดูแลช่วยเหลือแก้ปัญหาราคายางให้กับชาวภาคใต้ จะมาก็เฉพาะช่วงหาเสียงเท่านั้น ตนจึงอยากให้รัฐบาลใส่ใจ และจริงใจกับปัญหาของพี่น้องทางภาคใต้ และเรียกร้องให้ ส.ส.ในพื้นที่ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านด้วย