พิษณุโลก - เครือข่ายยางพาราเหนือล่างรอดูทิศทาง หวังช่วยพี่น้องชาวสวนยางภาคใต้ประท้วงยางพาราตกต่ำ มั่นใจผลกระทบชาวสวนยางภาคเหนือได้รับผลน้อยกว่า เพราะเศรษฐกิจยังไม่ขึ้นกับยางพาราล้วนๆ
นายสมศักดิ์ ทองศิริ ประธานเครือข่ายยางพาราจังหวัดพิษณุโลก และรองประธานเครือข่ายยางพาราภาคเหนือตอนล่าง เปิดเผยว่า กรณีการประท้วงเรื่องราคายางพาราตกต่ำ จนชาวสวนเตรียมเคลื่อนพลจากภาคใต้ไปกรุงเทพฯ ถามว่า เกี่ยวข้องเกษตรกรสวนยางของภาคเหนือตอนล่างหรือไม่นั้น คงไม่กระทบหนัก เพราะเกษตรกรชาวสวนยางพิษณุโลก ยังเป็นน้องใหม่ และส่วนใหญ่ก็ขายขี้ยาง ไม่ได้ทำยางแผ่นรมควันเหมือนภาคใต้
ทั้งนี้ แม้ราคายางตกต่ำนั้นย่อมมีผลกระทบคนพิษณุโลกแน่ แต่ชาวสวนภาคใต้นั้นมีผลกระทบหนักกว่ามาก เพราะเศรษฐกิจทางภาคใต้ ขึ้นอยู่กับสินค้ายางพาราล้วนๆ ดังนั้น เมื่อราคายางพาราตกต่ำ คนใต้จำเป็นต้องประท้วง เดือดร้อนทั้งเจ้าของสวนและคนกรีด เรียกง่ายๆว่ากระทบทั้งระดับบนและระดับล่าง
ส่วนสวนยางพาราภาคเหนือตอนล่าง พบว่า ยังมีพื้นที่เปิดกรีดน้อย หลายแห่งยังไม่เปิดรีด
แต่ละพื้นที่ของสวนยางมักแบ่งกันระหว่างเจ้าของสวนและคนกรีด สัดส่วน 60:40 กับ 50:50ขึ้นอยู่กับข้อตกลงการดูแลสวนและใส่ปุ๋ย แต่รายได้ของเกษตรกรหรือคนกรีดยางฯในภาคเหนือตอนล่าง แต่กลุ่มที่เดือดร้อนหนักกว่า ก็คือ กลุ่มสหกรณ์ที่ซื้อยางเก็บเอาไว้ รับรองว่า เจ๊งหลายแห่ง เพราะยางรมควันก็มีสิทธิ์เสีย
“ผมเองก็เดือดร้อน รถยนต์ที่ผ่อนเอาไว้ เกือบไม่มีเงินส่งไฟแนนซ์ เพราะรายได้หดหาย จาก 140-150 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 80 บาท” ประธานเครือข่ายยางพาราจังหวัดพิษณุโลก ย้ำและบอกอีกว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้องทางใต้ ผมได้เตรียมนัดเครือข่ายยางพาราในจังหวัดพิษณุโลก รวมตัวประชุมในเร็วๆ นี้ พร้อมติดต่อเครือข่ายยางพาราทางภาคเหนือตอนล่างอีกครั้ง แต่ล่าสุดสถานการณ์ยังสรุปไม่ได้ว่าจะไปกรุงเทพฯหรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ของเครือข่ายชาวสวนยางทางภาคใต้ที่มีกระแสว่า บรรลุข้อตกลงกับทางรัฐบาลแล้ว และอาจจะยกเลิกการเดินขบวนเข้ากรุงเทพฯ”
นายสมศักดิ์ ทองศิริ ประธานเครือข่ายยางพาราจังหวัดพิษณุโลก และรองประธานเครือข่ายยางพาราภาคเหนือตอนล่าง เปิดเผยว่า กรณีการประท้วงเรื่องราคายางพาราตกต่ำ จนชาวสวนเตรียมเคลื่อนพลจากภาคใต้ไปกรุงเทพฯ ถามว่า เกี่ยวข้องเกษตรกรสวนยางของภาคเหนือตอนล่างหรือไม่นั้น คงไม่กระทบหนัก เพราะเกษตรกรชาวสวนยางพิษณุโลก ยังเป็นน้องใหม่ และส่วนใหญ่ก็ขายขี้ยาง ไม่ได้ทำยางแผ่นรมควันเหมือนภาคใต้
ทั้งนี้ แม้ราคายางตกต่ำนั้นย่อมมีผลกระทบคนพิษณุโลกแน่ แต่ชาวสวนภาคใต้นั้นมีผลกระทบหนักกว่ามาก เพราะเศรษฐกิจทางภาคใต้ ขึ้นอยู่กับสินค้ายางพาราล้วนๆ ดังนั้น เมื่อราคายางพาราตกต่ำ คนใต้จำเป็นต้องประท้วง เดือดร้อนทั้งเจ้าของสวนและคนกรีด เรียกง่ายๆว่ากระทบทั้งระดับบนและระดับล่าง
ส่วนสวนยางพาราภาคเหนือตอนล่าง พบว่า ยังมีพื้นที่เปิดกรีดน้อย หลายแห่งยังไม่เปิดรีด
แต่ละพื้นที่ของสวนยางมักแบ่งกันระหว่างเจ้าของสวนและคนกรีด สัดส่วน 60:40 กับ 50:50ขึ้นอยู่กับข้อตกลงการดูแลสวนและใส่ปุ๋ย แต่รายได้ของเกษตรกรหรือคนกรีดยางฯในภาคเหนือตอนล่าง แต่กลุ่มที่เดือดร้อนหนักกว่า ก็คือ กลุ่มสหกรณ์ที่ซื้อยางเก็บเอาไว้ รับรองว่า เจ๊งหลายแห่ง เพราะยางรมควันก็มีสิทธิ์เสีย
“ผมเองก็เดือดร้อน รถยนต์ที่ผ่อนเอาไว้ เกือบไม่มีเงินส่งไฟแนนซ์ เพราะรายได้หดหาย จาก 140-150 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 80 บาท” ประธานเครือข่ายยางพาราจังหวัดพิษณุโลก ย้ำและบอกอีกว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้องทางใต้ ผมได้เตรียมนัดเครือข่ายยางพาราในจังหวัดพิษณุโลก รวมตัวประชุมในเร็วๆ นี้ พร้อมติดต่อเครือข่ายยางพาราทางภาคเหนือตอนล่างอีกครั้ง แต่ล่าสุดสถานการณ์ยังสรุปไม่ได้ว่าจะไปกรุงเทพฯหรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ของเครือข่ายชาวสวนยางทางภาคใต้ที่มีกระแสว่า บรรลุข้อตกลงกับทางรัฐบาลแล้ว และอาจจะยกเลิกการเดินขบวนเข้ากรุงเทพฯ”
