ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อดีต รมว.คลัง ควงเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคม ลงภูเก็ต หารือพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่
นายสุชาติ ธาราดำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย ทันตแพทย์หญิง ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมหารือเรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของจังหวัดภูเก็ต ด้านเศรษฐกิจและสังคมตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และเพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในอนาคต เพื่อความยั่งยืน
โดยมี นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายขันตี ศิลปะ นายอำเภอกะทู้ น.ส.ชวนชม จันทะวงษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสถาพร ศรชนะ รองผู้อำนวยการแขวงการทางภูเก็ต นายวีระพงษ์ ไวทยะวงศ์กุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม คณะกรรมการโครงการหมู่บ้านและชุมชน (SML) และแกนนำหมู่บ้านต่างๆ เข้าร่วม ที่ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต
ในการประชุมหารือในครั้งนี้ ได้มีการหารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการเติบโตทางด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ของจังหวัดภูเก็ต เช่น โครงการก่อสร้างทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 กับ 4020 (สี่แยกไทนาน) ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณปี 2555 จำนวน 600 ล้านบาท โครงการทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 กับถนนเยาวราช (สี่แยกโลตัส) งบประมาณ 700 ล้านบาท คาดว่าจะได้งบประมาณในปี 2556 โครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบราง โครงการเจาะอุโมงค์ป่าตอง
นอกจากนั้น ยังติดตามการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและกองทุน SML ให้มีความเข้มแข็งและมั่นคง โครงการก่อสร้างที่พักอาศัยเพื่อแก้ปัญหาคนเร่ร่อนในพื้นที่ และโครงการอื่นๆ ซึ่งมีตัวแทนของชุมชนได้เสนอปัญหา เช่น ปัญหาการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โครงการถนนศักดิเดช-สะพานหิน ตัดผ่านป่าชายเลนคลองเกาะผี เป็นต้น
นายสุชาติ กล่าวในการประชุม ว่า ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีโอกาสในการทำรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ยังมีปัญหาในเรื่องการพัฒนา โดยเฉพาะระบบสาธารณูปโภคในการรองรับและอำนวยความสะดวกต่างๆ เพราะยังยึดติดกับแนวคิดการบริหารรูปแบบเดิมๆ ที่จะต้องรองบประมาณจากรัฐบาลกลาง ซึ่งมักมองว่าภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ร่ำรวย
ดังนั้น จึงฝากผู้บริหารท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้องให้คิดนอกกรอบ ด้วยการเสนอโครงการที่สามารถจัดหางบประมาณมาทำได้เอง เพราะทราบว่ามีหลายโครงการที่ภาคเอกชนสนใจจะเข้ามาลงทุน โดยเราจะต้องกำหนดรูปแบบให้ชัดเจน ว่า จะเป็นการสัมปทาน หรือรูปแบบใด และจะต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ แทนการรองบประมาณจากรัฐบาลกลางซึ่งล่าช้า
จากนั้นจึงเสนอขอความเห็นชอบไปยังรัฐบาล หากติดขัดในเรื่องใดให้บอกมาพร้อมที่จะช่วยเหลือผลักดันเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และสามารถที่จะกระจายรายได้ไม่สู่ภาคประชาชนได้อย่างทั่วถึง ส่วนเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ ที่เป็นปัญหาสามารถจะสะท้อน และปรับปรุงแก้ไขได้รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องมีความเข้มแข็ง