ASTVผู้จัดการายวัน-ปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน ลั่น ขอกราบเท้างามๆ วอนนักการเมือง พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง สำนึกต่อบ้านเมือง แนะให้เลิกแบ่งกลุ่มแบ่งพวกจนไม่นึกถึงบ้านเมือง ชี้ต้องไม่มีสีเสื้อ เพราะเรามีสีธงชาติเพียงสีเดียว และต้องทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง เหตุประเทศหยุดเดินหน้ามา 5-6 ปีแล้ว
เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (20 ก.ค.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน และทันตแพทย์หญิง สีใบตอง บัญประดับ ผอ.บ้านเกื้อรัก ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการร่วมหารือกับปลัดกระทรวงพร้อมผู้แทน กระทรวง ทบวง กรม เรื่องความร่วมมือและแนวทางในการขยายเครือข่ายและส่งเสริมจิตสำนึกและจริยธรรม เพื่อส่งเสริมให้ทุกหน่วยงานเร่งสร้างคนดี ให้เป็นเจ้าหน้าที่ พ่อแบบและแม่แบบของสังคม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554
นายปราโมทย์ กล่าวว่า เนื่องจากในปัจจุบันประเทศของเรามีปัญหาในเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม โดยเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส.ส. และส.ว. ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องดูแลเรื่องคุณธรรม จริยธรรม เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกที่ดี ซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และส.ส. ที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางผู้ตรวจการฯต้องพยายามส่งเสริมจิตสำนึกที่ดีในด้านจริยธรรม เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ช่วยนำพาประเทศให้ปกติสุข ลดความขัดแย้งในภาวะวิกฤต สามารถบริหารจัดการด้วยหลักสันติวิธีไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใด หรือเสื้อสีใด ทุกคนเป็นคนไทย เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันให้ประเทศชาติบ้านเมืองสงบสุข ผู้ตรวจการฯมีเพียง 3 คนไม่สามารถทำได้สำเร็จ จึงต้องจับมือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชนและประชาสังคม เพื่อช่วยผลักดันและส่งเริมคุณธรรมจริยธรรม อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 21-23 ก.ค. ทางผู้ตรวจการฯจะจับมือกับ 30 หน่วยงาน จัดงานสัปดาห์สมัชชาคุณธรรม ที่อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบและบอกต่อ ถ้าทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตนอย่างจริงจังก็จะเกิดผลดีกับประเทศชาติ
เมื่อถามว่าคุณธรรมจริยธรรมของคณะรัฐมนตรีและส.ส.ใหม่ควรเป็นอย่างไร นายปราโมทย์ กล่าวว่า บุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกเข้ามาทำหน้าที่แทน ที่มีความคาดหวังในบทบาทที่มีผลกระทบต่อการบริหารบ้านเมือง เพราะฉะนั้นคุณธรรมจริยธรรมของบุคคลเหล่านี้ต้องสูงกว่ากลุ่มคนอื่นๆ รวมทั้งต้องประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีอยู่เสมอ ต้องพร้อมที่จะเสียสละเพื่อส่วนร่วมมากกว่าส่วนตน อีกทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส.ส. และส.ว. ต้องมีความพร้อม 2 ด้าน คือ 1.ความพร้อมพื้นฐานด้านครอบครัว 2.ความพร้อมด้านความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เพียงพอ ไม่ใช่เพียงเป็นแค่ใครก็ได้
“ผู้ตรวจการฯต้องการให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองส.สงและส.ว. ตระหนักและสำนึกในคุณธรรมจริยธรรม ไม่ใช่เข้ามาทำหน้าที่แล้วแบ่งกลุ่มแบ่งพวกจนไม่นึกถึงบ้านเมือง เราต้องไม่มีสีเสื้อ เพราะเรามีสีธงชาติเพียงสีเดียว และต้องทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง เพราะประเทศเราหยุดเดินหน้ามา 5-6 ปีแล้ว ผมจึงอยากกราบเท้าท่านงามๆ กับนักการเมือง พรรคการเมือง รวมทั้งขอให้นึกถึงบ้านเมือง” นายปราโมทย์ กล่าว
เมื่อถามต่อว่าทางผู้ตรวจการฯมีบทลงโทษสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่ปฏิบัติตามหลักคุณธรรมจริยธรรมอย่างไรบ้าง นายปราโมทย์ กล่าวว่า ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า หากบุคคลใดฝ่าฝืนการกระทำตามหลักคุณธรรมจริยธรรม และผู้ตรวจการฯเห็นว่ามีความผิดร้ายแรงก็จะส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ ทั้งนี้ หากป.ป.ช.เห็นว่ามีความผิดร้ายแรงจริงก็จะส่งเรื่องให้ประธานวุฒิสภายื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง แต่ทั้งนี้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ตนต้องการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุมากกว่า ส.ส.และส.ว.ต้องเป็นผู้เสียสละ เมื่ออาสาเข้ามาทำประโยชน์ให้บ้านเมือง หากทำไม่ได้ก็ขอให้ออกจากตำแหน่งไป อย่าให้ถึงขนาดต้องให้ประชาชนล่ารายชื่อเพื่อถอดถอน ขอให้ละลายใจเมื่อมีคนคับข้องใจควรลาออกจากตำแหน่ง เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ อย่ายึดติดกับเก้าอี้
เมื่อถามว่า นโยบายหาเสียงของรัฐบาลชุดใหม่ หากทำไม่ได้รัฐบาลชุดใหม่จะต้องดำเนินการอย่างไร นายปราโมทย์ กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลชุดใหม่ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา หากทำไม่ได้ฝ่ายค้านก็ต้องหยิบมาเป็นหัวข้อในการอภิปราย โดยหลักการหากทำไม่ได้จริงก็ต้องออกไป เพื่อให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่แทน อย่างไรก็ตามขอฝากถึงทุกพรรคการเมืองหากทำนโยบายตามที่สัญญากับประชาชนได้จริงก็จะเกิดความสง่างาม และบ้านเมืองก็จะเจริญก้าวหน้าต่อไป
นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ตนจะเดินสายพบทุกพรรคการเมือง เพื่อกราบขอวอนให้คำนึงถึงเรื่องการส่งเสริมในเรื่องจริยธรรมและคุณธรรม เพราะเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาวิกฤติ ความขัดแย้งของคนในประเทศได้ พร้อมกันนั้นยังเรียกร้องของให้ กกต.เร่งพิจารณารับรองผลการเลือกตั้งโดยเร็วและเมื่อมีการโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีแล้วจะขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อหาแนวทางขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมคนทำความดีคล้ายกับลักษณะ ของ สสส. ที่คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 4-5 พันล้านบาท และจะสอบถามว่ารัฐมนตรีจะยังสนับสนุนโครงการในเรื่องการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม เหมือนกับรัฐบาลที่ผ่านมาหรือไม่
เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (20 ก.ค.) ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน และทันตแพทย์หญิง สีใบตอง บัญประดับ ผอ.บ้านเกื้อรัก ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการร่วมหารือกับปลัดกระทรวงพร้อมผู้แทน กระทรวง ทบวง กรม เรื่องความร่วมมือและแนวทางในการขยายเครือข่ายและส่งเสริมจิตสำนึกและจริยธรรม เพื่อส่งเสริมให้ทุกหน่วยงานเร่งสร้างคนดี ให้เป็นเจ้าหน้าที่ พ่อแบบและแม่แบบของสังคม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554
นายปราโมทย์ กล่าวว่า เนื่องจากในปัจจุบันประเทศของเรามีปัญหาในเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม โดยเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส.ส. และส.ว. ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องดูแลเรื่องคุณธรรม จริยธรรม เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกที่ดี ซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และส.ส. ที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางผู้ตรวจการฯต้องพยายามส่งเสริมจิตสำนึกที่ดีในด้านจริยธรรม เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ช่วยนำพาประเทศให้ปกติสุข ลดความขัดแย้งในภาวะวิกฤต สามารถบริหารจัดการด้วยหลักสันติวิธีไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใด หรือเสื้อสีใด ทุกคนเป็นคนไทย เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันให้ประเทศชาติบ้านเมืองสงบสุข ผู้ตรวจการฯมีเพียง 3 คนไม่สามารถทำได้สำเร็จ จึงต้องจับมือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชนและประชาสังคม เพื่อช่วยผลักดันและส่งเริมคุณธรรมจริยธรรม อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 21-23 ก.ค. ทางผู้ตรวจการฯจะจับมือกับ 30 หน่วยงาน จัดงานสัปดาห์สมัชชาคุณธรรม ที่อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบและบอกต่อ ถ้าทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตนอย่างจริงจังก็จะเกิดผลดีกับประเทศชาติ
เมื่อถามว่าคุณธรรมจริยธรรมของคณะรัฐมนตรีและส.ส.ใหม่ควรเป็นอย่างไร นายปราโมทย์ กล่าวว่า บุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกเข้ามาทำหน้าที่แทน ที่มีความคาดหวังในบทบาทที่มีผลกระทบต่อการบริหารบ้านเมือง เพราะฉะนั้นคุณธรรมจริยธรรมของบุคคลเหล่านี้ต้องสูงกว่ากลุ่มคนอื่นๆ รวมทั้งต้องประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีอยู่เสมอ ต้องพร้อมที่จะเสียสละเพื่อส่วนร่วมมากกว่าส่วนตน อีกทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส.ส. และส.ว. ต้องมีความพร้อม 2 ด้าน คือ 1.ความพร้อมพื้นฐานด้านครอบครัว 2.ความพร้อมด้านความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เพียงพอ ไม่ใช่เพียงเป็นแค่ใครก็ได้
“ผู้ตรวจการฯต้องการให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองส.สงและส.ว. ตระหนักและสำนึกในคุณธรรมจริยธรรม ไม่ใช่เข้ามาทำหน้าที่แล้วแบ่งกลุ่มแบ่งพวกจนไม่นึกถึงบ้านเมือง เราต้องไม่มีสีเสื้อ เพราะเรามีสีธงชาติเพียงสีเดียว และต้องทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง เพราะประเทศเราหยุดเดินหน้ามา 5-6 ปีแล้ว ผมจึงอยากกราบเท้าท่านงามๆ กับนักการเมือง พรรคการเมือง รวมทั้งขอให้นึกถึงบ้านเมือง” นายปราโมทย์ กล่าว
เมื่อถามต่อว่าทางผู้ตรวจการฯมีบทลงโทษสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่ปฏิบัติตามหลักคุณธรรมจริยธรรมอย่างไรบ้าง นายปราโมทย์ กล่าวว่า ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า หากบุคคลใดฝ่าฝืนการกระทำตามหลักคุณธรรมจริยธรรม และผู้ตรวจการฯเห็นว่ามีความผิดร้ายแรงก็จะส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ ทั้งนี้ หากป.ป.ช.เห็นว่ามีความผิดร้ายแรงจริงก็จะส่งเรื่องให้ประธานวุฒิสภายื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง แต่ทั้งนี้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ตนต้องการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุมากกว่า ส.ส.และส.ว.ต้องเป็นผู้เสียสละ เมื่ออาสาเข้ามาทำประโยชน์ให้บ้านเมือง หากทำไม่ได้ก็ขอให้ออกจากตำแหน่งไป อย่าให้ถึงขนาดต้องให้ประชาชนล่ารายชื่อเพื่อถอดถอน ขอให้ละลายใจเมื่อมีคนคับข้องใจควรลาออกจากตำแหน่ง เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ อย่ายึดติดกับเก้าอี้
เมื่อถามว่า นโยบายหาเสียงของรัฐบาลชุดใหม่ หากทำไม่ได้รัฐบาลชุดใหม่จะต้องดำเนินการอย่างไร นายปราโมทย์ กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลชุดใหม่ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา หากทำไม่ได้ฝ่ายค้านก็ต้องหยิบมาเป็นหัวข้อในการอภิปราย โดยหลักการหากทำไม่ได้จริงก็ต้องออกไป เพื่อให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่แทน อย่างไรก็ตามขอฝากถึงทุกพรรคการเมืองหากทำนโยบายตามที่สัญญากับประชาชนได้จริงก็จะเกิดความสง่างาม และบ้านเมืองก็จะเจริญก้าวหน้าต่อไป
นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ตนจะเดินสายพบทุกพรรคการเมือง เพื่อกราบขอวอนให้คำนึงถึงเรื่องการส่งเสริมในเรื่องจริยธรรมและคุณธรรม เพราะเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาวิกฤติ ความขัดแย้งของคนในประเทศได้ พร้อมกันนั้นยังเรียกร้องของให้ กกต.เร่งพิจารณารับรองผลการเลือกตั้งโดยเร็วและเมื่อมีการโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีแล้วจะขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อหาแนวทางขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมคนทำความดีคล้ายกับลักษณะ ของ สสส. ที่คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 4-5 พันล้านบาท และจะสอบถามว่ารัฐมนตรีจะยังสนับสนุนโครงการในเรื่องการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม เหมือนกับรัฐบาลที่ผ่านมาหรือไม่