สุราษฏร์ธานี - เฝ้าระวังคลื่นยักษ์พัดถล่ม 7 อำเภอชายฝั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้ว่าฯ เตือนเรือเล็กและเรือท่องเที่ยวงดออกจากฝั่ง ขณะที่ผู้ประกอบการร้านอาหารตามชายทะเลได้รับความเสียหายยับ
จากรณีเกิดเหตุฝนตกหนักคลื่นลมแรง ความสูงของคลื่นกว่า 3 เมตร พัดถล่มเข้าหลายหมู่บ้านใน อ.ท่าชนะ อ.ไชยา อ.ท่าฉาง อ.พุนพิน อ.เมือง อ.กาญจนดิษฐ์ และ อ.ดอนสัก ประกอบกับน้ำทะเลหนุนสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อนในรอบ 30 ปี ทำให้บ้านเรือนราษฎรที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งรวมทั้งผู้ประกอบกิจการการท่องเที่ยวและร้านอาหารพังเสียหายกว่า 300 หลังคาเรือน ร้านอาหารชื่อดังในบริเวณหาดพุมเรียงจำนวน 2 ร้าน ประกอบด้วย ร้านราตรีซีฟู้ด และร้านพลับพลา ซีฟู้ด ถูกคลื่นถล่มพังยับไม่สามารถเปิดให้บริการได้
หลังเกิดเหตุ นายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมเครื่องจักรกลลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่อ่าวพุมเรียง อ.ไชยา อย่างเร่งด่วน ท่ามกลางฝนตกหนักฝนและคลื่นลมแรง พร้อมสั่งอพยพผู้ประสบภัยไปอยู่ในที่ปลอดภัย ในเบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้จัดส่งกำลังพร้อมเครื่องจักรกลหนักเข้าพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสพภัยพร้อมนำก้อนหินขนาดใหญ่เทลงพื้นที่ชายฝั่งเพื่อจัดทำแนวกันคลื่นที่จะเกิดช่วงในเวลาน้ำขึ้นสูงเนื่องจากหมู่บ้านหลายพื้นที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และเตือนประชานในพื้นที่เสี่ยงภัยริมชายฝั่งเตรียมรับสถานการณ์ต่อไป
นางกรองศรี จุ้นเห่ง อายุ 60 ปี ผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.พุมเรียง อ.ไชยา ระบุเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2505 แต่ไม่รุนแรงมากขนาดนี้ และคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (27 ธ.ค.) จะรุนแรงแรงมากขึ้นกว่านี้เมื่อถึงเวลาน้ำทะเลหนุน และมีความหวาดกลัวต่อเหตุกาลที่เกิดขึ้นซึ่งไม่ค่อยมั่นใจในความปลอดภัยนัก
นายยอดชาย พันธ์ครุฑ เจ้าของร้านอาหารทะเลชื่อดัง พลับพลา ซีฟู้ด ที่ตั้งอยู่บริเวณหาดพุมเรียง พื้นร้านอาหารถูกคลื่นถล่มพังยับ กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นประมาณ 500,000 บาท แต่ด้านธุรกิจคงยังประเมินค่าไม่ได้ และยังไม่รู้ว่าซ่อมแซมร้านเสร็จให้บริการในช่วงปีใหม่หรือไม่ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตนเชื่อว่ามาจากสถานการณโลกร้อน น้ำทะเลเพิ่มขึ้นและคาดว่าจะเกิดขึ้นอีกและมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้เตรียมรับสถานการณ์ต่อไปอีกในระยะนี้ พร้อมสั่งห้ามเรือประมงขนาดเล็กและเรือรับส่งนักท่องเที่ยวให้หยุดบริการและติดตามการพยากรอากาศอย่างใกล้ชิดต่อไป
