สตูล - มุขมนตรีประเทศมาเลเซียเยือน จ.สตูล ร่วมรับฟังความคืบหน้าการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อระหว่าง 2 ประเทศ พร้อมชี้แนะรัฐบาลมาเลย์ไม่สนใจขุดเจาะอุโมงค์ หวั่นทำลายธรรมชาติและผลกระทบประชาชน
วันนี้ (9 ธ.ค.) ฯพณฯ ดาโต๊ะ ซรี ดร.มูห์ฮัมหมัด อีซา บิน ซาบู มุขมนตรีประเทศมาเลเซีย พร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการประเทศมาเลเซีย เดินทางเข้าพบ นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล (รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล) พร้อมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสตูล เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อสตูล-เปอร์ลิส และการก่อขุดเจาะอุโมงค์ ที่ห้องศาลากลางชั้น 4 อ.เมือง จ.สตูล
การเดินมาในครั้งนี้ คณะประเทศมาเลเซียต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อจังหวัดสตูล เพราะเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ชายแดนประเทศมาเลเซีย พร้อมร่วมแข่งกีฬากระชับมิตร และร่วมรับฟังกรณีที่ประเทศไทยขุดเจาะอุโมงค์ข้ามไปยังฝั่งประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นเส้นทางคมนาคมระหว่าง 2 ประเทศ
การหารือในครั้งนี้พบว่า ประเทศมาเลเซียต้องการให้ประเทศไทยทบทวนเรื่องของเส้นทางใหม่จากทางฝั่งไทย ซึ่งมีการเสนอเส้นทางไว้ 3 เส้นทาง คือ เส้นทางเดิมสายด่านวังประจันซึ่งต้องมีการปรับปรุงใหม่ ส่วนเส้นทางที่ 2 คือ เส้นทางการเจาะอุโมงค์ ซึ่งได้งบประมาณในการศึกษาจากรัฐบาลแล้วประมาณ 35 ล้านบาท และเส้นทางที่ 3 คือก ารทำสะพานเชื่อมต่อสายตำมะลัง-ปูยูและประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้ ประเทศมาเลเซียต้องการให้จังหวัดสตูลเปลี่ยนแปลงการศึกษาเส้นทางใหม่ และเชิญคณะทำงานของจังหวัดสตูลเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เพื่อไปดูผังเมืองของประเทศมาเลเซียด้วย
นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล (รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล) กล่าวว่า จังหวัดสตูลมีความยินดีที่จะมีการสร้างเส้นทางเพื่อเชื่อมต่อระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทางกระบวนการของรัฐบาลที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ โดยจังหวัดสตูลจะทำเรื่องงบ 35 ล้านบาท และนำเงินบางส่วนศึกษาเรื่องเส้นทางที่ 3 โดยต้องศึกษาให้ละเอียด ทั้งผลกระทบทางด้านประชาชนและสิ่งแวดล้อม เพราะจังหวัดสตูลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นหลัก และจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน ฯพณฯ ดาโต๊ะ ซรี ดร.มูห์ฮัมหมัด อีซา บิน ซาบู มุขมนตรีประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า รัฐบาลมาเลเซียเห็นควรและจะตอบตกลงทันที ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนกำลังศึกษา แต่เล็งเห็นว่าเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด คือ เส้นทางที่ 3 ที่อยู่ในพื้นที่ฝั่งทะเล เพราะมีความสะดวกมากที่สุด ส่วนการทำอุโมงค์นั้นในความคิดถือว่าเป็นสิ่งดี แต่ไม่อยากระเบิดทำลายธรรมชาติ ในวันนี้ยังสรุปและยืนยันไม่ได้ขอใช้เวลาทำความเข้าใจระยะหนึ่ง
วันนี้ (9 ธ.ค.) ฯพณฯ ดาโต๊ะ ซรี ดร.มูห์ฮัมหมัด อีซา บิน ซาบู มุขมนตรีประเทศมาเลเซีย พร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการประเทศมาเลเซีย เดินทางเข้าพบ นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล (รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล) พร้อมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสตูล เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อสตูล-เปอร์ลิส และการก่อขุดเจาะอุโมงค์ ที่ห้องศาลากลางชั้น 4 อ.เมือง จ.สตูล
การเดินมาในครั้งนี้ คณะประเทศมาเลเซียต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อจังหวัดสตูล เพราะเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ชายแดนประเทศมาเลเซีย พร้อมร่วมแข่งกีฬากระชับมิตร และร่วมรับฟังกรณีที่ประเทศไทยขุดเจาะอุโมงค์ข้ามไปยังฝั่งประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นเส้นทางคมนาคมระหว่าง 2 ประเทศ
การหารือในครั้งนี้พบว่า ประเทศมาเลเซียต้องการให้ประเทศไทยทบทวนเรื่องของเส้นทางใหม่จากทางฝั่งไทย ซึ่งมีการเสนอเส้นทางไว้ 3 เส้นทาง คือ เส้นทางเดิมสายด่านวังประจันซึ่งต้องมีการปรับปรุงใหม่ ส่วนเส้นทางที่ 2 คือ เส้นทางการเจาะอุโมงค์ ซึ่งได้งบประมาณในการศึกษาจากรัฐบาลแล้วประมาณ 35 ล้านบาท และเส้นทางที่ 3 คือก ารทำสะพานเชื่อมต่อสายตำมะลัง-ปูยูและประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้ ประเทศมาเลเซียต้องการให้จังหวัดสตูลเปลี่ยนแปลงการศึกษาเส้นทางใหม่ และเชิญคณะทำงานของจังหวัดสตูลเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เพื่อไปดูผังเมืองของประเทศมาเลเซียด้วย
นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล (รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล) กล่าวว่า จังหวัดสตูลมีความยินดีที่จะมีการสร้างเส้นทางเพื่อเชื่อมต่อระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทางกระบวนการของรัฐบาลที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ โดยจังหวัดสตูลจะทำเรื่องงบ 35 ล้านบาท และนำเงินบางส่วนศึกษาเรื่องเส้นทางที่ 3 โดยต้องศึกษาให้ละเอียด ทั้งผลกระทบทางด้านประชาชนและสิ่งแวดล้อม เพราะจังหวัดสตูลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นหลัก และจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหารือกันอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน ฯพณฯ ดาโต๊ะ ซรี ดร.มูห์ฮัมหมัด อีซา บิน ซาบู มุขมนตรีประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า รัฐบาลมาเลเซียเห็นควรและจะตอบตกลงทันที ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนกำลังศึกษา แต่เล็งเห็นว่าเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด คือ เส้นทางที่ 3 ที่อยู่ในพื้นที่ฝั่งทะเล เพราะมีความสะดวกมากที่สุด ส่วนการทำอุโมงค์นั้นในความคิดถือว่าเป็นสิ่งดี แต่ไม่อยากระเบิดทำลายธรรมชาติ ในวันนี้ยังสรุปและยืนยันไม่ได้ขอใช้เวลาทำความเข้าใจระยะหนึ่ง
