ผบช.ศชต.เยี่ยมเหยื่อระเบิดไฟใต้-ย้ำ รปภ.เข้มช่วงปีใหม่

นราธิวาส - ผบช.ศชต.เยี่ยม “ด.ต.สุวัฒน์ อยู่จงดี” เหยื่อระเบิดในพื้นที่ อ.ตากใบ ซึ่งแรงระเบิดเป็นเหตุให้ขาขวาขาด พร้อมย้ำเจ้าหน้าที่ทุกนายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เฝ้าระวังเหตุในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่อย่างเข้มงวด

วันนี้ (9 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกนวมินทร์ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางพร้อมคณะ เช่น พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.นิตินัย หลังยาหน่าย ผกก.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส มี นพ.บรรยงค์ เหล่าเจริญสุข รองผู้อำนวยการโรงพยาลาลนราธิวาสราชนครินทร์ ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ผบช.ศชต.ได้เข้าเยี่ยมอาการของ ด.ต.สุวัฒน์ อยู่จงดี อายุ 41 ปี ผบ.หมู่ นปพ.จ.นราธิวาส ซึ่งนอนรักษาอาการบาดเจ็บจากเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดที่คนร้ายลอบฝังไว้ในสวนยางพาราในพื้นที่บ้านโคกยาง ต.พร่อน อ.ตากใบ ส่งผลให้ขาขวาขาด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา

นพ.บรรยงค์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ชี้แจงถึงอาการล่าสุดของ ด.ต.สุวัฒน์ ต่อ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ว่าขณะนี้แผลที่ขาข้างขวาและแขนแห้งดีแล้ว ส่วนการเดินไปไหนมาไหนต้องใช้ไม้ค้ำยัน ขณะนี้รอความพร้อมของขาเทียมจากหน่วยกายอุปกรณ์โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อที่จะได้ทำการใส่ขาเทียมให้ ด.ต.สุวัฒน์ อย่างเร็วที่สุด ส่วนผลข้างเคียงขณะนี้พบว่าผู้ป่วยได้รับการกระทบกระเทือนที่หูและตา ซึ่งจะต้องทำการวินิจฉัยอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ขณะเดียวกัน น.ส.นาตยา ไชยประเสริฐ อายุ 35 ปี ภรรยา ด.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ผู้บังคับบัญชามีความเป็นห่วงเป็นใยสามีของตนเอง เมื่อใส่ขาเทียมแล้วอีกไม่นานจะกลับมาเดินได้เหมือนคนปกติ โดย ด.ต.สุวัฒน์ ยืนยันหนักแน่นต่อหน้า พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ว่าจะไม่ขอย้ายไปไหนและขอทำหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อไปจนถึงที่สุด

ด้าน พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ผบช.ศชต.ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งพร้อมกระเช้าเยี่ยมและหนังสือให้แก่ ด.ต.สุวัฒน์ ก่อนเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายทั้ง 13 อำเภอ 19 สถานี ที่รับผิดชอบ จ.นราธิวาส รวมทั้ง จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา ให้เพิ่มความเข้มงวดเฝ้าระวังสถานการณ์จากกลุ่มผู้ไม่หวังดีเป็นกรณีพิเศษตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากอยู่ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ กลุ่มคนร้ายอาจฉวยโอกาสลอบก่อเหตุในรูปแบบต่างๆ ได้ เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ทุกนายต้องสนธิกำลังกับทหารและฝ่ายปกครองอย่างเข้มข้น และต้องไม่ประมาท อีกทั้งรู้เท่าทันเกมของฝ่ายตรงข้ามให้มากที่สุดอีกด้วย