ชุมพร - ชีน้อยวัย 14 ปี ถูกพระวัดดังขืนใจในห้องเก็บของจนท้อง พ่อรู้เรื่องร้องศูนย์สิทธิเด็กและสตรีช่วยเหลือ พร้อมแจ้งความจับกุมดำเนินคดี
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (6 ธ.ค.) นายสงค์ (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ชาวบ้าน ต.ต้นยวน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี พร้อม นางศรี (นามสมมติ) อายุ 45 ปี นำ ด.ญ.สุ หรือ “น้องสุ” (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาวเข้าพบกับ นางประทุมพร ทองภูเบศน์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี รพ.ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย หลังจากที่บุตรสาวถูก พระสมชาย แหวนเงิน อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/64 ถ.ปริมินทรมรรคา ต.ท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร พระลูกวัดชุมพรรังสรรค์ (วัดอารามหลวง) หมู่ 5 ต.นาทุ่ง เขตเทศบาลเมืองชุมพร ข่มขืนจนตั้งท้อง
นายสงค์ กล่าวว่า ด.ญ.สุ ซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ของตนเองที่เกิดกับภรรยาคนเก่า ก่อนที่จะเลิกรากันนานแล้ว ต่อมาได้ภรรยาใหม่เป็นคน จ.ชุมพร ชื่อ นางเล็ก (ขอสงวนนามจริง) อายุ 45 ปี อยู่ที่ ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร แต่อยู่กินกันได้ไม่นานก็เกิดปัญหา ตนจึงขอแยกตัวไปอยู่ที่อื่น โดยก่อนไปตนได้ฝากลูกบุตรสาวไว้กับนางเล็ก ช่วยเลี้ยงดูให้ด้วย ส่วนตนเองได้ติดต่อสอบถามความเป็นอยู่ตลอดเวลา
ด้าน นางเล็ก กล่าวว่า ตนเองไม่เคยคิดว่าเป็นลูกเลี้ยง รัก “น้องสุ” เหมือนลูกในไส้แท้ๆ เลี้ยงดูอย่างดีมาตลอด ซึ่งตนเองเลี้ยงมาตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบ ส่งให้เรียนตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมแต่ น้องสุ เป็นคนหัวอ่อน เรียนไม่ค่อยทันเพื่อน น้องจึงบอกกับตนเองว่าขอออกจากโรงเรียนก่อน และจะขอไปเรียนต่อใหม่ที่ กศน.เพื่อให้จบมัธยมต้น ซึ่งตนเองก็ไม่ขัดใจ เพราะเห็นใจหากขืนบังคับให้เรียนก็ไม่เกิดประโยชน์อาจทำให้เด็กมีปัญหา
นางเล็ก กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่น้องสุไปเรียนก็จะเวียนไปมาที่วัดดังกล่าวอยู่ตลอดเพราะมีพ่อของตนเอง ซึ่งเป็นตาของน้องสุ บวชเป็นพระอยู่ และยายก็บวชเป็นแม่ชีอยู่ที่นั้นด้วยเช่นกัน และหลังจากที่ น้องสุ ได้ออกจากโรงเรียนก็ไปอยู่ที่วัด จนต่อมาน้องก็ขอบวชเป็นแม่ชี เมื่อเดือนพฤษภาคม 54 ที่ผ่านมา เพื่อจะอยู่ดูแลและช่วยเหลือยาย ซึ่งบวชเป็นแม่ชีอยู่ที่วัด จนกระทั่งเห็นอาการน้องสุ ผิดสังเกต และมาปรึกษาเรื่องประจำเดือนมาไม่ปกติ จึงสอบถามความจริง จนทราบว่าถูกพระสมชายข่มขืนจนตั้งท้องดังกล่าว
ขณะที่ น้องสุ กล่าวว่า ตนเองหลังจากที่ได้บวชเป็นชี ก็ได้คอยช่วยเหลือยายชี และหลวงตาตลอดมา จนเมื่อเข้าช่วงพรรษาเมื่อเดือนกรกฎาคม 54 พระสมชาย ได้มาบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้ โดยจำวัดอยู่ใกล้ๆ กับที่พำนักของตนเอง และทุกครั้งที่เดินผ่านกุฏิของพระสมชาย ก็จะถูกแซวทุกครั้ง จนเกิดความคุ้นเคยสนิทสนมกันขึ้น โดย พระสมชาย พยายามพูดจาลวนลามและแสดงออกกับตนเองเหมือนแฟน แต่ตนไม่ได้คิดอะไรมากนัก
จนมาวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังอยู่ในภายในห้องเก็บของ ไม่รู้ว่าพระสมชาย ได้เข้ามาตอนไหน ได้โผเข้ามากอดจูบและจับอวัยวะเพศของตน ตนได้พยายามดิ้น แต่เพราะตัวเล็กกว่า อีกทั้งเป็นหญิงไม่มีเรี่ยวแรงพอจะทานกำลังผู้ชายได้ ถูกปิดปากและถูกพระสมชาย ขืนใจในห้องจนสำเร็จความใคร่ไป 1 ครั้ง
น้องสุ กล่าวต่อว่า หลังเสร็จกิจ พระสมชาย ได้บอกกับตนว่าที่ทำไปเช่นนี้ เพราะรักและอยากจะเลี้ยงดู และพร้อมจะส่งให้เรียนหนังสือ แต่ขอเวลาให้บวชจนครบพรรษา แต่ตอนนี้อย่าไปบอกใคร เมื่อสึกออกไปก็จะไปขอกับทางญาติผู้ใหญ่ จนตนหลงเชื่อและหลังจากนั้นก็ถูกพระสมชาย พาไปหลับนอนภายในห้องเก็บของติดต่อกันหลายครั้ง จนตัวเองเริ่มผิดสังเกต มีอาการคลื่นไส้ และรอบเดือนไม่มาติดต่อกันสองเดือน จึงไปปรึกษาแม่ศรี จนแม่ศรีผิดสังเกต และถูกคาดคั้น จนตนเองต้องบอกความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น และแม่เล็กได้ไปซื้อแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ที่ร้านขายยามาตรวจกับปัสสาวะ ปรากฏว่า แผ่นทดสอบระบุผลว่าตั้งครรภ์ 1 เดือนแล้ว
ด้าน นางประทุมพร ทองภูเบศน์ เลขาศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรี รพ.ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้น่าอดสูใจเป็นอย่างยิ่ง ในส่วนตัวไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับพระสงฆ์ที่บวชอยู่ในวัด เพราะส่วนใหญ่ที่พบและได้เข้าไปช่วยเหลือนั้นจะเป็นชาวบ้านทั่วไป แต่นี้เป็นถึงพระสงฆ์ ผู้อบรมสั่งสอนชาวบ้านในการกระทำความดี และเป็นผู้สืบทอดศาสนา แต่กลับมาทำเสียเอง ในเบื้องต้นตนได้นำผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับพระสมชายต่อไปแล้ว
ขณะที่ พ.ต.ท.พาณิชย์ นาคทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ชุมพร เจ้าของคดี กล่าวว่า ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแจ้งทางพระครูศรีธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสวี เพื่อให้ทราบว่า มีผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเอาผิดกับพระสมชาย โดยกล่าวโทษในข้อหาพรากผู้เยาว์และขืนใจผู้อื่นจนสำเร็จความใคร่
จากนั้น พระปลัดศิริโชค สิริธมฺโม พระวินยาธิการประจำจังหวัดชุมพร พร้อมคณะสงฆ์ เรียกตัวพระสมชาย มาสอบปากคำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานกว่า 1 ชั่วโมง จนในที่สุดทางพระสมชาย ยอมเปิดปากรับสารภาพว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง ทางคณะสงฆ์ จึงได้จับสึกพ้นจากความเป็นพระสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไปแล้ว
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (6 ธ.ค.) นายสงค์ (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ชาวบ้าน ต.ต้นยวน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี พร้อม นางศรี (นามสมมติ) อายุ 45 ปี นำ ด.ญ.สุ หรือ “น้องสุ” (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาวเข้าพบกับ นางประทุมพร ทองภูเบศน์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี รพ.ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย หลังจากที่บุตรสาวถูก พระสมชาย แหวนเงิน อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/64 ถ.ปริมินทรมรรคา ต.ท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร พระลูกวัดชุมพรรังสรรค์ (วัดอารามหลวง) หมู่ 5 ต.นาทุ่ง เขตเทศบาลเมืองชุมพร ข่มขืนจนตั้งท้อง
นายสงค์ กล่าวว่า ด.ญ.สุ ซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ของตนเองที่เกิดกับภรรยาคนเก่า ก่อนที่จะเลิกรากันนานแล้ว ต่อมาได้ภรรยาใหม่เป็นคน จ.ชุมพร ชื่อ นางเล็ก (ขอสงวนนามจริง) อายุ 45 ปี อยู่ที่ ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร แต่อยู่กินกันได้ไม่นานก็เกิดปัญหา ตนจึงขอแยกตัวไปอยู่ที่อื่น โดยก่อนไปตนได้ฝากลูกบุตรสาวไว้กับนางเล็ก ช่วยเลี้ยงดูให้ด้วย ส่วนตนเองได้ติดต่อสอบถามความเป็นอยู่ตลอดเวลา
ด้าน นางเล็ก กล่าวว่า ตนเองไม่เคยคิดว่าเป็นลูกเลี้ยง รัก “น้องสุ” เหมือนลูกในไส้แท้ๆ เลี้ยงดูอย่างดีมาตลอด ซึ่งตนเองเลี้ยงมาตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบ ส่งให้เรียนตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมแต่ น้องสุ เป็นคนหัวอ่อน เรียนไม่ค่อยทันเพื่อน น้องจึงบอกกับตนเองว่าขอออกจากโรงเรียนก่อน และจะขอไปเรียนต่อใหม่ที่ กศน.เพื่อให้จบมัธยมต้น ซึ่งตนเองก็ไม่ขัดใจ เพราะเห็นใจหากขืนบังคับให้เรียนก็ไม่เกิดประโยชน์อาจทำให้เด็กมีปัญหา
นางเล็ก กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่น้องสุไปเรียนก็จะเวียนไปมาที่วัดดังกล่าวอยู่ตลอดเพราะมีพ่อของตนเอง ซึ่งเป็นตาของน้องสุ บวชเป็นพระอยู่ และยายก็บวชเป็นแม่ชีอยู่ที่นั้นด้วยเช่นกัน และหลังจากที่ น้องสุ ได้ออกจากโรงเรียนก็ไปอยู่ที่วัด จนต่อมาน้องก็ขอบวชเป็นแม่ชี เมื่อเดือนพฤษภาคม 54 ที่ผ่านมา เพื่อจะอยู่ดูแลและช่วยเหลือยาย ซึ่งบวชเป็นแม่ชีอยู่ที่วัด จนกระทั่งเห็นอาการน้องสุ ผิดสังเกต และมาปรึกษาเรื่องประจำเดือนมาไม่ปกติ จึงสอบถามความจริง จนทราบว่าถูกพระสมชายข่มขืนจนตั้งท้องดังกล่าว
ขณะที่ น้องสุ กล่าวว่า ตนเองหลังจากที่ได้บวชเป็นชี ก็ได้คอยช่วยเหลือยายชี และหลวงตาตลอดมา จนเมื่อเข้าช่วงพรรษาเมื่อเดือนกรกฎาคม 54 พระสมชาย ได้มาบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้ โดยจำวัดอยู่ใกล้ๆ กับที่พำนักของตนเอง และทุกครั้งที่เดินผ่านกุฏิของพระสมชาย ก็จะถูกแซวทุกครั้ง จนเกิดความคุ้นเคยสนิทสนมกันขึ้น โดย พระสมชาย พยายามพูดจาลวนลามและแสดงออกกับตนเองเหมือนแฟน แต่ตนไม่ได้คิดอะไรมากนัก
จนมาวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังอยู่ในภายในห้องเก็บของ ไม่รู้ว่าพระสมชาย ได้เข้ามาตอนไหน ได้โผเข้ามากอดจูบและจับอวัยวะเพศของตน ตนได้พยายามดิ้น แต่เพราะตัวเล็กกว่า อีกทั้งเป็นหญิงไม่มีเรี่ยวแรงพอจะทานกำลังผู้ชายได้ ถูกปิดปากและถูกพระสมชาย ขืนใจในห้องจนสำเร็จความใคร่ไป 1 ครั้ง
น้องสุ กล่าวต่อว่า หลังเสร็จกิจ พระสมชาย ได้บอกกับตนว่าที่ทำไปเช่นนี้ เพราะรักและอยากจะเลี้ยงดู และพร้อมจะส่งให้เรียนหนังสือ แต่ขอเวลาให้บวชจนครบพรรษา แต่ตอนนี้อย่าไปบอกใคร เมื่อสึกออกไปก็จะไปขอกับทางญาติผู้ใหญ่ จนตนหลงเชื่อและหลังจากนั้นก็ถูกพระสมชาย พาไปหลับนอนภายในห้องเก็บของติดต่อกันหลายครั้ง จนตัวเองเริ่มผิดสังเกต มีอาการคลื่นไส้ และรอบเดือนไม่มาติดต่อกันสองเดือน จึงไปปรึกษาแม่ศรี จนแม่ศรีผิดสังเกต และถูกคาดคั้น จนตนเองต้องบอกความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น และแม่เล็กได้ไปซื้อแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ที่ร้านขายยามาตรวจกับปัสสาวะ ปรากฏว่า แผ่นทดสอบระบุผลว่าตั้งครรภ์ 1 เดือนแล้ว
ด้าน นางประทุมพร ทองภูเบศน์ เลขาศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรี รพ.ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้น่าอดสูใจเป็นอย่างยิ่ง ในส่วนตัวไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับพระสงฆ์ที่บวชอยู่ในวัด เพราะส่วนใหญ่ที่พบและได้เข้าไปช่วยเหลือนั้นจะเป็นชาวบ้านทั่วไป แต่นี้เป็นถึงพระสงฆ์ ผู้อบรมสั่งสอนชาวบ้านในการกระทำความดี และเป็นผู้สืบทอดศาสนา แต่กลับมาทำเสียเอง ในเบื้องต้นตนได้นำผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับพระสมชายต่อไปแล้ว
ขณะที่ พ.ต.ท.พาณิชย์ นาคทอง พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ชุมพร เจ้าของคดี กล่าวว่า ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแจ้งทางพระครูศรีธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสวี เพื่อให้ทราบว่า มีผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเอาผิดกับพระสมชาย โดยกล่าวโทษในข้อหาพรากผู้เยาว์และขืนใจผู้อื่นจนสำเร็จความใคร่
จากนั้น พระปลัดศิริโชค สิริธมฺโม พระวินยาธิการประจำจังหวัดชุมพร พร้อมคณะสงฆ์ เรียกตัวพระสมชาย มาสอบปากคำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานกว่า 1 ชั่วโมง จนในที่สุดทางพระสมชาย ยอมเปิดปากรับสารภาพว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง ทางคณะสงฆ์ จึงได้จับสึกพ้นจากความเป็นพระสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไปแล้ว
