ศูนย์ข่าวศรีราชา - ลมหนาวโหมกระหน่ำพัดคานหลังคาโบสถ์เรือนไม้สักทองถล่มพังพินาศ คนงานเกือบ 10 ชีวิต วิ่งหนีตายอลหม่าน เหตุจากสภาพทรุดโทรม เจ้าอาวาสวอนผู้ใจบุญร่วมอนุโมทนาบุญบริจาคทรัพย์สร้างโบสถ์ หวั่นปล่อยทิ้งไว้อาจถล่มทับคนตาย
วันนี้ (13 ธ.ค.) พ.ต.ท.สมบัติ โสภาพ พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุคานหลังคาและเสาโบสถ์เรือนไม้สักทอง วัดป่ายุบสัตหีบ ซ.บ่อนไก่ ม.5 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ถล่มลงมาได้รับความเสียหาย จึงรุดไปตรวจสอบพบโบสถ์ที่ทางวัดกำลังดำเนินการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ พบพระปลัดธีรศักดิ์ จันทวังโส เจ้าอาวาสวัดป่ายุบ กำลังยืนควบคุมช่างก่อสร้างจำนวน 7 คน ให้ทำการเคลื่อนย้ายเสาปูนขนาดใหญ่จำนวน 2 ต้น และซากปรักหักพัง หลังคานหลังคาโบสถ์ที่ได้ดำเนินการก่อสร้างค้างไว้ เกิดถล่มพังลงมาทับนั่งร้าน และอุปกรณ์ก่อสร้างจนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ทำให้ช่างก่อสร้างต้องวิ่งหนีตายเอาชีวิตรอด โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
จากการสอบปากคำ นางสุนันทา ว่องไว อายุ 42 ปี คนงานก่อสร้างที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ได้มาตั้งแคมป์พักคนงานอยู่ข้างโบสถ์ได้ประมาณ 2 อาทิตย์ หลังทางวัดได้ว่างจ้างให้มาทำการมุงหลังคา แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการก่อสร้างมากนัก เนื่องจากนายจ้างได้เดินทางไปร่วมงานศพญาติที่ต่างจังหวัด และจะเดินทางกลับมาในวันนี้
ในช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมพร้อมจะเริ่มงาน ได้เกิดมีลมหนาวพัดมาอย่างรุนแรง ก่อนเสาคานหลังคาจะถล่มลงมาจนเกิดเสียงดังสนั่น ทำให้ทุกคนต้องวิ่งหนีตาย เพื่อเอาชีวิตรอด
ด้าน พระปลัดธีรศักดิ์ เจ้าอาวาสวัดป่ายุบ เปิดเผยว่า โบสถ์เรือนไม้สักทองหลังนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ส.ค.50 ในวงเงินการก่อสร้างจำนวน 21 ล้านบาท ขณะนั้นทางวัดมีเงินอยู่เพียง 12 ล้านบาท จึงได้ทำหนังสือร้องขอเงินจำนวน 14 ล้านบาท ผ่านทางนายไมตรี สอยเหลือง อดีต ส.ส.เขต 2 จังหวัดชลบุรี เพื่อยื่นต่อรัฐบาลในการจัดสรรงบประมาณก่อสร้าง
โดยทาง ส.ส.ได้ตกปากรับคำและนำหนังสือเข้าที่ประชุมชี้แจงกับทางผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้นำชุมชน และทางวัดให้รับทราบว่าทางรัฐบาลจะดำเนินการช่วยเหลือโดยเริ่มแรกได้นำกระดาษเปล่าให้เซ็นเป็นลายลักอักษรเพื่อเบิกจ่ายเงินจำนวน 3 แสนบาทแต่ก็หายไปอย่างไร้วี่แวว จนหมดวาระลงทำให้ทางวัดต้องหยุดการก่อสร้าง เนื่องจากไม่มีงบประมาณ
โครงสร้างจึงได้แต่เพียงตัวฐานโบสถ์ เสา และคานหลังคา อย่างที่เห็น เวลาล่วงไปนานกว่า 1 ปี 6 เดือน ทางวัดจึงได้ว่าจ้าง นายสมบูรณ์ กำปั่นดี อายุ 54 ปี ผู้รับเหมาชาวจังหวัดพะเยาให้มาดำเนินการมุงหลังคาโบสถ์และดำเนินการได้เพียง 2 อาทิตย์ คานหลังคาก็มาถูกลมหนาวพัดจนถล่ม เนื่องจากมีสภาพทรุดโทรม ประกอบกับช่างชุดแรกได้สร้างไว้ไม่มาตรฐาน นับเป็นความโชคดีที่ไม่ใครได้รับอันตราย หรือเสียชีวิต ซึ่งหากญาติโยมท่านใด มีจิตศรัทธาจะร่วมอนุโมทนาบุญบริจาคทุนทรัพย์ สมทบทุนสร้างโบสถ์เรือนสักทองหลังนี้ สามารถติดต่อกับทางวัดได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ เกรงหากปล่อยทิ้งไว้จนทรุดโทรมจะถล่มลงมาทับคนตายอย่างแน่นอน
