นครศรีธรรมราช - วัดโบราณกลางเมืองนครศรีธรรมราช ทำการย้ายพระพุทธรูปโบราณเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์ ตะลึงใต้ฐานพบกรุพระเครื่อง ทองคำอื้อ เจ้าอาวาสเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว
วันนี้ (9 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดชะเมา ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยบรรยากาศภายในวัดบริเวณด้านหน้ามีการบูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปสำคัญของวัด ที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งการค้นพบดังกล่าวนั้นได้ค้นพบในบริเวณจุดที่ตั้งพระพุทธรูปจุดเดิม ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังวัด และมีการเคลื่อนย้ายมาบูรณะประดิษฐานด้านหน้าวัด เป็นพระพุทธรูปศิลปะลังกาวงศ์ มีหน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ สูงประมาณ 4 เมตรเศษ ซึ่งถูกบูรณะให้อยู่ในรูปทรงเดิมอย่างงดงาม
พระปลัดเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดชะเมา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า การค้นพบดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นเมื่อราวปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านเรียกชื่อสืบทอดกันว่า “หลวงพ่อสูง” หน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตรเศษ ความเป็นมานั้นได้สืบค้นข้อมูล และพบจารึกที่ฐานพระพุทธรูป ว่า สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1079 ประดิษฐานที่เดิมตรงพื้นที่วัดประตูเขียน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองนครศรีธรรมราชมาตั้งแต่โบราณ และได้ร้าวลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบได้
ภายหลังในปี พ.ศ.2458 หรือเกือบ 100 ปีที่ผ่านมา พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณศิริธรรมมุณี เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้รวมพื้นที่วัดขึ้น 3 วัด คือ วัดประตูเขียน วัดสมิทฐาน และ วัดโมฬี หรือ วัดชะเมา เป็นพื้นที่เดียวกัน คือ วัดชะเมาปัจจุบันนั่นเอง พระพุทธรูปองค์นี้ซึ่งเดิมอยู่ในเขตวัดประตูเขียนจึงกลายเป็นวัดชะเมามาตั้งแต่นั้น
“ความพยายามในการเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปหลวงพ่อสูงมาอยู่บริเวณหน้าวัด เพื่อเป็นที่สักการะแก่ประชาชนโดยทั่วไปนั้นมีมายาวนานต่อเนื่องถึง 9 เจ้าอาวาส จนถึงปัจจุบันจึงจะสำเร็จ ซึ่งเดิมนั้นเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา 3-4 เจ้าอาวาสที่ผ่านมาเกิดอาเพศตลอด เมื่อจะมีการเคลื่อนย้าย คือ 1.ฟ้าผ่า 2.เกิดลมพายุหัวด้วน 3.อุบัติเหตุกับช่างที่จะเคลื่อนย้าย จนปล่อยปละละเลยกันเรื่อยมาไม่มีใครกล้าดำเนินการ มาเมื่อปี 2516 พระครูสุทธิจารี มีปรารภให้ย้ายพระพุทธรูป ปรากฏว่า ท่านได้มรณภาพ ต่อมาพระครูกาแก้ว ได้ขอดำเนินการปลูกโครงสร้างมุงสังกะสีกันแดดฝน กระทั่งพระครูกาแก้วมรณภาพ พระครูสุทธวรคุณ ปรารภจะเคลื่อนย้ายอีกครั้ง ปรากฏว่า ไม่นานท่านมรณภาพไปอีก” เจ้าอาวาสวัดชะเมา กล่าว
พระปลัดเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดชะเมา กล่าวต่อว่า มาในสมัยอาตมา ตั้งใจที่จะบำรุงเสนาสนะ บูรณะอารามให้มีความสวยงาม เจริญหูเจริญตา จึงดำเนินการอีกครั้งโดยตั้งเครื่องบวงสรวงตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อทำการรื้อองค์พระพุทธรูปมาตั้งหน้าวัด แต่กลับมีอุปสรรคอาเพศอีกครั้ง คือ 1.เกิดลมแรงฟ้าผ่า 2.คนงานเกิดอุบัติเหตุเสียหาย หลังจากนั้น จึงยุติ ต่อมาได้ตั้งจิตอธิษฐานขอใหม่คราวนี้ตั้งใจว่าหากยังเคลื่อนย้ายไม่ได้จำเป็นที่จะต้องทุบองค์พระเคลื่อนย้าย ปรากฏว่า ลมได้พัดอย่างแรง และได้ใช้รถเครนเคลื่อนย้ายได้เมื่อเสร็จได้เกิดฝนฟ้าตกเพียงแค่ท้ายวัดถึงหน้าวัดอย่างอัศจรรย์
“หลังจากที่เคลื่อนย้ายมาได้แล้วจึงได้เร่งบูรณะให้มีรูปทรงดังเดิม แต่ในช่วงกลางคืนได้เกิดนิมิตไปว่า ให้ไปเอาสิ่งของมาเก็บไว้ ในเวลาตี 1 อาตมาจึงออกไปดูตามนิมิตนั้น จึงพบพระพุทธรูป พระเครื่องมีทั้งเป็นทองคำ เป็นเงิน เพชรพลอยอีกจำนวนมาก พระพุทธรูปและพระเครื่องนั้นเป็นศิลปะลังกาวงศ์ เข้าใจว่าเป็นพระพุทธรูป และพระเครื่องในสมัยสร้างองค์พระบรมธาตุเจดีย์แล้วมีการถวายเป็นพุทธบูชาแล้วส่วนหนึ่งได้นำมาเก็บรักษาไว้ในวัดแห่งนี้บริเวณฐานองค์พระนั่นเอง ซึ่งขณะนี้ได้เก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัยส่วนหนึ่งแล้ว ซึ่งจะพิจารณาภายหลังว่าจะดำเนินการอย่างไรกับพระพุทธรูป และสิ่งของที่ได้มาจากฐานองค์พระ” พระปลัดเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดชะเมากล่าวในที่สุด