พระลูกวัดบางขุนเทียนนอกเปิดศึกกันเอง ขึ้นโรงพักร้องตำรวจถูกข่มขู่และทำร้ายร่างกายเหตุบิณฑบาตทับเส้นทาง ขณะที่หลวงตาอ้วนโต้ถูกหาเรื่อง เหตุแค้นจะถูกจับสึกเพราะโดนจับได้ว่าไปเรี่ยไรเงินชาวบ้านอย่างไม่ถูกต้อง ปัดชักปืนข่มขู่ ขอบิณฑบาตทับเส้นทางไม่เป็นความจริง เพราะเดินไม่ไหวไม่สามารถออกบิณฑบาตได้มา 5 ปีแล้ว
จากกรณี พระจิรวัฒน์ ปสฺนโน อายุ 44 ปี พระลูกวัดบางขุนเทียนนอก แขวงและเขตจอมทอง เดินทางแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีต่อพระลูกวัดเดียวกัน จำนวน 2 รูป ในข้อหาทำร้ายร่างกายและข่มขู่โดยใช้อาวุธปืนทำให้เกิดความตกใจกลัว เหตุเกิดเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเดินบิณฑบาตทับเส้นทางทำให้ได้รับเงินปัจจัยจากญาติโยมน้อยลงตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (22 ก.ย.) เมื่อเวลา 07.00 น. พระภิชญ์ หรือพระโจ้ ปภัสฺสโร อายุ 26 ปี และหลวงตาอ้วน (สงวนชื่อและนามสกุล) พระลูกวัดบางขุนเทียนนอก เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ไกรสรณ์ บุญญามิ่ง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางมด เพื่อขอคำปรึกษากรณีที่ พระจิรวัฒน์ เข้าแจ้งความทำให้วงการพระพุทธศาสนาเสื่อมเสียและมีการให้ข่าวระบุตัวตนของคู่กรณีทำให้ได้รับความอับอาย โดยพระทั้ง 2 รูป นำทะเบียนประวัติพระภิกษุของพระจิรวัฒน์ มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูด้วย
พระภิชญ์กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) มีญาติโยมติดต่อมาหาเจ้าอาวาสวัดบางขุนเทียนนอกว่า พระจิรวัฒน์เข้าแจ้งความต่อตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินคดีต่อพระลูกวัดเดียวกันชื่อ พระโจ้ และพระอ้วน ในข้อหาทำร้ายร่างกายและข่มขู่โดยใช้อาวุธปืนทำให้เกิดความตกใจกลัว ตนในฐานะหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาจนได้รับความเสียหายอยากบอกสังคมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความจริง เนื่องจาก พระจิรวัฒน์ เข้าแจ้งความเท็จเพราะไม่พอใจที่จะถูกพระอ้วน ซึ่งเป็นพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระจับสึก ด้วยสาเหตุที่มีผู้ร้องเรียนเข้ามาว่าพระจิรวัฒน์ เที่ยวไปแอบอ้างชื่อวัดเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านไปใช้เป็นการส่วนตัว
พระภิชญ์กล่าวอีกว่า ทันทีที่พระจิรวัฒน์ถูกร้องเรียนเรื่องไปเรี่ยไรเงินจากชาวบ้าน หลวงตาอ้วน และตน จึงรีบดำเนินการสืบสวนพฤติกรรมจนทราบว่ามีมูลเหตุจริง จึงได้เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจให้ร่วมเดินทางไปเชิญตัว พระจิรวัฒน์ มาลาสิกขาขณะกำลังเดินบิณฑบาตเรี่ยไรชาวบ้านอยู่ในตลาดเนินสูง ท้องที่ สน.ท่าข้าม แต่ปรากฏว่าพระจิรวัฒน์ไหวตัวทันหลบหนีออกจากวัดไปก่อน ทำให้พระอุปัชฌาย์ที่วัดราชโอรสารามไม่สามารถทำพิธีจับสึกให้ได้ คาดว่าพระจิรวัฒน์คงเกิดความโกรธแค้นที่จะถูกจับสึกจึงเดินทางไปแจ้งความเท็จที่กองปราบปรามทำให้ทางวัดเสื่อมเสียได้รับความเสียหาย
ขณะที่ หลวงตาอ้วนกล่าวว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหาว่ามีการชักปืนข่มขู่เพราะบิณฑบาตทับเส้นทางนั้นไม่เป็นความจริงแน่นอน เพราะอาตมาเดินไม่ไหวไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ประมาณ 5 ปีแล้ว ซึ่งที่เดินทางมาวันนี้ เพื่ออยากขอคำปรึกษากับทางตำรวจว่าจะทำอะไรได้บ้าง เพราะพระพุทธศาสนาถูกทำลายจากพระนอกรีตอีกแล้ว ส่วนเรื่องแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาททำให้ได้รับการดูหมิ่นเกลียดชังอาตมาให้อภัยได้ขอแค่เดินทางมากราบขอขมาก็พอ โดยหลังจากนี้จะเดินทางไปที่กองปราบปรามเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนและติดตามความคืบหน้าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
ด้าน ร.ต.อ.ไกรสรณ์กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ เนื่องจากต้องการให้พระที่ถูกกล่าวหาทั้ง 2 รูป เดินทางไปที่กองปราบปรามขอดูเอกสารทางคดีให้ชัดเจน เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าพระจิรวัฒน์เดินทางไปแจ้งความให้ดำเนินคดีหรือแค่ร้องทุกข์กล่าวโทษให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของพระคู่กรณีเท่านั้น เบื้องต้นจึงได้แนะนำให้พระทั้ง 2 รูปเดินทางไปที่กองปราบปรามเพื่อขอตรวจสอบสำนวนคดีจากนั้นให้ผู้ถูกกล่าวหาตัดสินใจเองว่าจะแจ้งความกลับหรือไม่
ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ กองปราบปราม (บก.ป.) พระภิกษุ 2 รูปซึ่งเป็นพระคู่กรณีกับพระจิรวัฒน์ ปสนโน อายุ 44 ปี ที่เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เมื่อวันที่ 21 กันยนยนที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.เพื่อร้องขอความเป็นธรรมและขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ซึ่ง พล.ต.ต.สุพิศาลก็รับจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายโดยจะประสานตำรวจ สน.บางมด ท้องที่เกิดเหตุ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากเข้าพบ ผบก.ป.แล้วพระภิกษุทั้ง 2 รูปจึงเดินทางกลับ
ศึกชิงเส้นทาง! แจ้งจับพระชกหน้า ชักปืนขู่ ขอบิณฑบาตทับเส้นทาง
จากกรณี พระจิรวัฒน์ ปสฺนโน อายุ 44 ปี พระลูกวัดบางขุนเทียนนอก แขวงและเขตจอมทอง เดินทางแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีต่อพระลูกวัดเดียวกัน จำนวน 2 รูป ในข้อหาทำร้ายร่างกายและข่มขู่โดยใช้อาวุธปืนทำให้เกิดความตกใจกลัว เหตุเกิดเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเดินบิณฑบาตทับเส้นทางทำให้ได้รับเงินปัจจัยจากญาติโยมน้อยลงตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (22 ก.ย.) เมื่อเวลา 07.00 น. พระภิชญ์ หรือพระโจ้ ปภัสฺสโร อายุ 26 ปี และหลวงตาอ้วน (สงวนชื่อและนามสกุล) พระลูกวัดบางขุนเทียนนอก เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ไกรสรณ์ บุญญามิ่ง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางมด เพื่อขอคำปรึกษากรณีที่ พระจิรวัฒน์ เข้าแจ้งความทำให้วงการพระพุทธศาสนาเสื่อมเสียและมีการให้ข่าวระบุตัวตนของคู่กรณีทำให้ได้รับความอับอาย โดยพระทั้ง 2 รูป นำทะเบียนประวัติพระภิกษุของพระจิรวัฒน์ มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูด้วย
พระภิชญ์กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) มีญาติโยมติดต่อมาหาเจ้าอาวาสวัดบางขุนเทียนนอกว่า พระจิรวัฒน์เข้าแจ้งความต่อตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินคดีต่อพระลูกวัดเดียวกันชื่อ พระโจ้ และพระอ้วน ในข้อหาทำร้ายร่างกายและข่มขู่โดยใช้อาวุธปืนทำให้เกิดความตกใจกลัว ตนในฐานะหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาจนได้รับความเสียหายอยากบอกสังคมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความจริง เนื่องจาก พระจิรวัฒน์ เข้าแจ้งความเท็จเพราะไม่พอใจที่จะถูกพระอ้วน ซึ่งเป็นพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระจับสึก ด้วยสาเหตุที่มีผู้ร้องเรียนเข้ามาว่าพระจิรวัฒน์ เที่ยวไปแอบอ้างชื่อวัดเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านไปใช้เป็นการส่วนตัว
พระภิชญ์กล่าวอีกว่า ทันทีที่พระจิรวัฒน์ถูกร้องเรียนเรื่องไปเรี่ยไรเงินจากชาวบ้าน หลวงตาอ้วน และตน จึงรีบดำเนินการสืบสวนพฤติกรรมจนทราบว่ามีมูลเหตุจริง จึงได้เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจให้ร่วมเดินทางไปเชิญตัว พระจิรวัฒน์ มาลาสิกขาขณะกำลังเดินบิณฑบาตเรี่ยไรชาวบ้านอยู่ในตลาดเนินสูง ท้องที่ สน.ท่าข้าม แต่ปรากฏว่าพระจิรวัฒน์ไหวตัวทันหลบหนีออกจากวัดไปก่อน ทำให้พระอุปัชฌาย์ที่วัดราชโอรสารามไม่สามารถทำพิธีจับสึกให้ได้ คาดว่าพระจิรวัฒน์คงเกิดความโกรธแค้นที่จะถูกจับสึกจึงเดินทางไปแจ้งความเท็จที่กองปราบปรามทำให้ทางวัดเสื่อมเสียได้รับความเสียหาย
ขณะที่ หลวงตาอ้วนกล่าวว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหาว่ามีการชักปืนข่มขู่เพราะบิณฑบาตทับเส้นทางนั้นไม่เป็นความจริงแน่นอน เพราะอาตมาเดินไม่ไหวไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ประมาณ 5 ปีแล้ว ซึ่งที่เดินทางมาวันนี้ เพื่ออยากขอคำปรึกษากับทางตำรวจว่าจะทำอะไรได้บ้าง เพราะพระพุทธศาสนาถูกทำลายจากพระนอกรีตอีกแล้ว ส่วนเรื่องแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาททำให้ได้รับการดูหมิ่นเกลียดชังอาตมาให้อภัยได้ขอแค่เดินทางมากราบขอขมาก็พอ โดยหลังจากนี้จะเดินทางไปที่กองปราบปรามเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนและติดตามความคืบหน้าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
ด้าน ร.ต.อ.ไกรสรณ์กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ เนื่องจากต้องการให้พระที่ถูกกล่าวหาทั้ง 2 รูป เดินทางไปที่กองปราบปรามขอดูเอกสารทางคดีให้ชัดเจน เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าพระจิรวัฒน์เดินทางไปแจ้งความให้ดำเนินคดีหรือแค่ร้องทุกข์กล่าวโทษให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของพระคู่กรณีเท่านั้น เบื้องต้นจึงได้แนะนำให้พระทั้ง 2 รูปเดินทางไปที่กองปราบปรามเพื่อขอตรวจสอบสำนวนคดีจากนั้นให้ผู้ถูกกล่าวหาตัดสินใจเองว่าจะแจ้งความกลับหรือไม่
ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ กองปราบปราม (บก.ป.) พระภิกษุ 2 รูปซึ่งเป็นพระคู่กรณีกับพระจิรวัฒน์ ปสนโน อายุ 44 ปี ที่เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เมื่อวันที่ 21 กันยนยนที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.เพื่อร้องขอความเป็นธรรมและขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ซึ่ง พล.ต.ต.สุพิศาลก็รับจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายโดยจะประสานตำรวจ สน.บางมด ท้องที่เกิดเหตุ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง หลังจากเข้าพบ ผบก.ป.แล้วพระภิกษุทั้ง 2 รูปจึงเดินทางกลับ
ศึกชิงเส้นทาง! แจ้งจับพระชกหน้า ชักปืนขู่ ขอบิณฑบาตทับเส้นทาง