นครศรีธรรมราช - อภิสิทธิ์มึนหนังสือ ตร.นครบาลเชิญสอบยังไม่ถึงมือ ย้อนหากเชิญผ่านสื่อพร้อมที่จะให้ปากคำผ่านสื่อเช่นกัน พร้อมติงนายกฯ แสดงภาวะผู้นำเตือนจตุพรอย่าให้มวลชนกดดันองค์กรอิสระและเคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง
วันนี้ (1 ธ.ค.) หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมคณะ ได้เยี่ยมหมู่บ้านชาวประมงแหลมตะลุมพุก ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำทะเลท่วมและคลื่นลมรุนแรงแล้ว ได้ให้สัมภษณ์ต่อข้อซักถามของสื่อมวลชน โดยกล่าวถึงกรณีที่ทางตำรวจนครบาลเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ได้ส่งหนังสือให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ย.) ว่าตนเองยังไม่ได้รับหนังสือเลย และสอบถามนายสุเทพ ก็ปรากฏว่ายังไม่ได้รับหนังสือเช่นกัน
“พรุ่งนี้ผมมีกำหนดการที่จะเดินทางไปยัง จ.สุโขทัย อย่างที่บอก ความจริงพวกเราก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือให้ข้อเท็จจริง แต่แปลกใจเรื่องของการเชิญหรือไม่เชิญ กลับกลายเป็นว่าสื่อบางฉบับกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามทราบก่อนเจ้าตัว ถือเป็นเรื่องแปลกอย่างยิ่ง แล้วก็ต้องย้อนถามเหมือนกันว่า ถ้ากระบวนการในการแจ้งหนังสือเป็นการไปแจ้งกับสื่อและนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามก่อน กรรมการจะมีความเป็นกลางหรือไม่ กรรมการสอบสวน พนักงานสอบสวนต้องมาชี้แจงเช่นกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังระบุอีกว่า นครบาลไม่สมควรกล่าวอ้างว่าตนรับทราบจากสื่อแล้ว ไม่เคยมีระบบระเบียบราชการใดที่ปฏิบัติเช่นนี้ และหากใช้ระบบนี้ตนก็จะให้การผ่านสื่อเช่นกัน พร้อมยืนยันว่าตนเองยังไม่ได้รับหนังสือใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ตนเองยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องไปถามกรรมการว่าจัดระบบกันอย่างไร ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์ว่าจะดึงตนและนายสุเทพให้เข้าไปมีส่วนรับผิดชอบ ซึ่งง่ายต่อการที่จะนำไปสู่การนิรโทษกรรมนั้นก็เป็นเรื่องของกระบวนการทางการเมืองที่ชัดเจนอยู่แล้ว ที่จะพยามลากออกมาให้เป็นเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างต้องทำอย่างตรงไปตรงมา
และต่อข้อถามกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งเตรียมฟ้องร้องนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนที่ กกต. มีมติให้สิ้นสภาพจากการเป็น ส.ส. นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายจตุพรควรไปต่อสู้ในศาลตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนจะเรื่องใดนั้นตนไม่ทราบในรายละเอียดของคำวินิจฉัยนั้น ทั้งนี้ ไม่ควรไปสร้างเรื่องขึ้นมาอีกว่ามีกระบวนการ มีขบวนการ มีเบื้องหลัง มีผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งกับการพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัคร
“หากคุณจตุพรใช้มวลชนเข้ามากดดันองค์กรอิสระอีก ก็จะย้อนให้เห็นว่าวิกฤติของประเทศที่เกิดขึ้นในเวลานี้วันนี้ต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่าเรื่องผิดถูกของกฎหมายนั้น กระบวนการพิจารณาต้องมีความอิสระในการตัดสิน บางครั้งการตัดสินอาจถูกใจบ้างหรือไม่ถูกใจบ้าง แต่ความถูกต้องกับความถูกใจจะเอามาปนกันไม่ได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำควรต้องบอกนายจตุพรในฐานะผู้สนับสนุนท่าน ว่าควรลดละเรื่องที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง ควรปล่อยให้ทุกองค์กรทำไปตามหน้าที่ของแต่ละองค์กร ควรแสดงวุฒิภาวการณ์เป็นผู้นำออกมา เพราะวันนี้ผู้ที่เคลื่อนไหวคือผู้ที่สนับสนุนท่าน” ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวทิ้งท้าย
วันนี้ (1 ธ.ค.) หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมคณะ ได้เยี่ยมหมู่บ้านชาวประมงแหลมตะลุมพุก ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำทะเลท่วมและคลื่นลมรุนแรงแล้ว ได้ให้สัมภษณ์ต่อข้อซักถามของสื่อมวลชน โดยกล่าวถึงกรณีที่ทางตำรวจนครบาลเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ได้ส่งหนังสือให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ย.) ว่าตนเองยังไม่ได้รับหนังสือเลย และสอบถามนายสุเทพ ก็ปรากฏว่ายังไม่ได้รับหนังสือเช่นกัน
“พรุ่งนี้ผมมีกำหนดการที่จะเดินทางไปยัง จ.สุโขทัย อย่างที่บอก ความจริงพวกเราก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือให้ข้อเท็จจริง แต่แปลกใจเรื่องของการเชิญหรือไม่เชิญ กลับกลายเป็นว่าสื่อบางฉบับกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามทราบก่อนเจ้าตัว ถือเป็นเรื่องแปลกอย่างยิ่ง แล้วก็ต้องย้อนถามเหมือนกันว่า ถ้ากระบวนการในการแจ้งหนังสือเป็นการไปแจ้งกับสื่อและนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามก่อน กรรมการจะมีความเป็นกลางหรือไม่ กรรมการสอบสวน พนักงานสอบสวนต้องมาชี้แจงเช่นกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังระบุอีกว่า นครบาลไม่สมควรกล่าวอ้างว่าตนรับทราบจากสื่อแล้ว ไม่เคยมีระบบระเบียบราชการใดที่ปฏิบัติเช่นนี้ และหากใช้ระบบนี้ตนก็จะให้การผ่านสื่อเช่นกัน พร้อมยืนยันว่าตนเองยังไม่ได้รับหนังสือใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ตนเองยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องไปถามกรรมการว่าจัดระบบกันอย่างไร ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์ว่าจะดึงตนและนายสุเทพให้เข้าไปมีส่วนรับผิดชอบ ซึ่งง่ายต่อการที่จะนำไปสู่การนิรโทษกรรมนั้นก็เป็นเรื่องของกระบวนการทางการเมืองที่ชัดเจนอยู่แล้ว ที่จะพยามลากออกมาให้เป็นเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างต้องทำอย่างตรงไปตรงมา
และต่อข้อถามกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งเตรียมฟ้องร้องนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนที่ กกต. มีมติให้สิ้นสภาพจากการเป็น ส.ส. นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายจตุพรควรไปต่อสู้ในศาลตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนจะเรื่องใดนั้นตนไม่ทราบในรายละเอียดของคำวินิจฉัยนั้น ทั้งนี้ ไม่ควรไปสร้างเรื่องขึ้นมาอีกว่ามีกระบวนการ มีขบวนการ มีเบื้องหลัง มีผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งกับการพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัคร
“หากคุณจตุพรใช้มวลชนเข้ามากดดันองค์กรอิสระอีก ก็จะย้อนให้เห็นว่าวิกฤติของประเทศที่เกิดขึ้นในเวลานี้วันนี้ต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่าเรื่องผิดถูกของกฎหมายนั้น กระบวนการพิจารณาต้องมีความอิสระในการตัดสิน บางครั้งการตัดสินอาจถูกใจบ้างหรือไม่ถูกใจบ้าง แต่ความถูกต้องกับความถูกใจจะเอามาปนกันไม่ได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำควรต้องบอกนายจตุพรในฐานะผู้สนับสนุนท่าน ว่าควรลดละเรื่องที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง ควรปล่อยให้ทุกองค์กรทำไปตามหน้าที่ของแต่ละองค์กร ควรแสดงวุฒิภาวการณ์เป็นผู้นำออกมา เพราะวันนี้ผู้ที่เคลื่อนไหวคือผู้ที่สนับสนุนท่าน” ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวทิ้งท้าย