เรือนจำภูเก็ตจัดอบรมเตรียมพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง

ศูนย์ข่าวภูเก็ต-เรือนจำภูเก็ตอบรมผู้ต้องเตรียมความพร้อม ก่อนปล่อยตัวเนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ( 25 ต.ค. 2554) ที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ต นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการ “เตรียมความพร้อมก่อนปล่อยเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554” โดยวิทยากรจากหลายหน่วยงานภาครัฐ แขกผู้มีเกียรติ และผู้ต้องขังที่อยู่ภายใต้โครงการฯ จำนวนกว่า 200 คน เข้าร่วม

นายระพินทร์ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 กรมราชทัณฑ์ จึงได้จัดทำโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขังเพื่อเฉลิมพระเกียรติขึ้น เพื่อเป็นการแก้ไข ฟื้นฟู พัฒนาและเป็นสวัสดิการ ในการเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ ตลอดจนเกิดจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย และเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน องค์กรภาครัฐ และเอกชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขฟื้นฟู และพัฒนาผู้ต้องขังให้กลับตนเป็นคนดีของสังคม

สำหรับการอบรมนั้นจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม ถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2554 โดยมีผู้ต้องขังที่เข้าอบรมจำนวนทั้งสิ้น 206 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่เหลือโทษจำคุกต่อไม่เกิน 3 ปี ซึ่งการอบรม ในครั้งนี้ประกอบด้วย การให้ความรู้เกี่ยวกับทักษะชีวิต การสร้างจิตสำนึกทางด้านคุณธรรม และจริยธรรม การปรับทัศนคติและพฤติกรรม การใช้ชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การฝึกวิชาชีพระยะสั้น และการวางแผนการดำเนินชีวิตภายหลังพ้นโทษ

นอกจากนี้ นายระพินทร์ ยังได้ขอให้ผู้ต้องขังดังกล่าว นำความรู้ ทักษะด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาจิตใจ ทักษะชีวิต การฝึกวิชาชีพ ที่ได้รับจากการอบรมไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ภายหลังพ้นโทษ ตลอดจนกลับตนเป็นพลเมืองดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

นายระพินทร์ กล่าวถึงผู้ต้องขังในเรือนจำภูเก็ตด้วยว่า ปัจจุบันมีผู้ต้อง จำนวน 1,579 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังชาย 1,390 คน ผู้ต้องขังหญิง 189 คน ทั้งที่เรือนจำภูเก็ตรองรับนักโทษได้เพียง 700-800 คนเท่านั้น ทำให้เกิดปัญหาแออัดมากๆ ในขณะนี้ ซึ่งที่ผ่านมามีโครงการที่จะขยายเรือนจำไปที่บางโจ อ.ถลาง เพื่อลดความแออัด แต่ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้โดยผู้ต้องหาส่วนใหญ่เป็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมากกว่า 80% และมีชาวต่างชาติประมาณ 38 คนเป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติดและฉ้อโกง