กรมควบคุมโรค ลงนามข้อตกลงร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ เฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ หลังพบเป็นกลุ่มเสี่ยงเป็นโรคสารพัด ทั้งเอชไอวี-วัณโรค
วันนี้ (22 ส.ค.) นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมและภัยสุขภาพในเรือนจำ พร้อมด้วย นายแพทย์ สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ นายแพทย์ มิชเชล วูลฟ์ ผู้อำนวยการโครงการเอดส์โลก ประเทศไทย และภาคพื้นเอเชีย เข้าร่วมในพิธีลงนาม
โดย นพ.มานิต กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องขังเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลายอย่าง อาทิ โรคเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วัณโรค อหิวาตกโรค อาหารเป็นพิษ โรคติดต่อทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง รวมทั้งโรคไม่ติดต่อ เช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากสิ่งแวดล้อม และพฤติกรรม ดังนั้น การเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค และภัยสุขภาพ รวมทั้งควบคุมการระบาดของโรค จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการส่งเสริมคุณภาพชีวิต เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและงบประมาณในการรักษาโรค และฟื้นฟูสภาพความเจ็บป่วย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานความดันโลหิตต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย
นพ.มานิต กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้มีโครงการเข้าถึงบริการด้านการป้องกันและดูแลรักษาเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มผู้ต้องขัง โดยนำร่องในเรือนจำ 5 แห่ง ได้แก่ เรือนจำกลางขอนแก่น เรือนจำกลางอุดรธานี เรือนจำกลางเชียงราย ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลางปทุมธานี และทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น โดยมุ่งเน้นการวางระบบบริการด้านการป้องกันและดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) โรคเอดส์ที่ครบวงจรแก่ผู้ต้องขัง โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการจากศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ด้านสาธารณสุข ระบบการป้องกัน ที่ครบวงจร ประกอบไปด้วย 1. การปรับทัศนคติเจ้าหน้าที่ผู้คุม เพื่อให้เข้าใจและยอมรับการอยู่ร่วมกันกับผู้ติดเชื้อ 2. การพัฒนาศักยภาพผู้คุมให้มีความรู้ความสามารถในการเป็นวิทยากรเรื่องโรคเอดส์ 3. การสร้างอาสาสมัครผู้ต้องขังให้เป็นแกนนำ ทำหน้าที่ขยายผลการให้ความรู้ด้านการป้องกันเอดส์ และกระจายถุงยางอนามัยให้กับผู้ต้องขังรายอื่นๆ ในแดน 4. การพัฒนา “มุมแกนนำ” เป็นสถานที่ที่ให้แกนนำอาสาสมัครทำหน้าที่ให้คำปรึกษา 5. การสนับสนุนการจัดกิจกรรมขยายผลการดำเนินงานของอาสาสมัครในแดน 6. การพัฒนาสื่อเพื่อให้แกนนำอาสาสมัครใช้ในการพูดคุยกับเพื่อนผู้ต้องขัง การพัฒนาระบบการรักษา ได้มีการเชื่อมต่อช่องทางของระบบการรักษาจากเรือนจำสู่โรงพยาบาล โดยริเริ่มทดลองนำระบบ การรักษาผู้ป่วยผ่านโทรทัศน์ทางไกล (Telemedicine) มาใช้ในการรักษาผู้ต้องขังในเรือนจำเพื่อเพิ่มช่องทางการรักษา
นพ.มานิต กล่าวต่อไปว่า ในปี พ.ศ.2553 กรมราชทัณฑ์ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนโลก เพื่อเนินกิจกรรมป้องกันเอชไอวี (HIV) โรคเอดส์ในเรือนจำ 32 แห่ง โดยกรมควบคุมโรคได้ร่วมพัฒนาระบบการดูแลรักษาเอดส์ และการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างเรือนจำ และโรงพยาบาลควบคู่กันไป เพื่อเปิดช่องทางให้ผู้ต้องขังเข้าถึงบริการที่สะดวกรวดเร็วขึ้น และลดภาระในการรักษา การดำเนินงานดังกล่าวเฉพาะโรคเอดส์เพียงโรคเดียว พบว่า สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในด้านความเจ็บป่วย และลดอันตรายภาวะแทรกซ้อนของโรคได้ ควรมีการขยายกิจกรรมในด้านการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำให้ครอบคลุม เพื่อลดช่องว่างในระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม และดูแลรักษาโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ หากไม่ได้รับบริการเชิงรุก หรือช่องทางพิเศษจากโรงพยาบาล ผู้ต้องขังจะไม่สามารถเข้าถึงบริการควบคุมโรคและการดูแลสุขภาพที่ทั่วถึง อาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพผู้ต้องขัง และเกิดปัญหาแพร่ระบาด อันเป็นอุปสรรคในการควบคุมและป้องกันโรคในเรือนจำอย่างมาก เพื่อแก้ไขช่องว่างนี้ และเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของระบบการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ มีข้อเสนอให้จัดทำขอตกลงความร่วมมือขึ้นระหว่างกรมควบคุมโรค และกรมราชทัณฑ์
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำคัญและความจำเป็นที่ต้องเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค การเกิดและแพร่กระจายโรคในเรือนจำ เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องขังที่ป่วยเป็นโรคเมื่อมาอยู่ในเรือนจำ สามารถแพร่กระจายโรคให้แก่ผู้ต้องขังอื่นได้ และในขณะเดียวกัน ผู้ต้องขังที่ป่วยในเรือนจำ เมื่อพ้นโทษก็สามารถนำโรคไปแพร่ต่อให้กับประชาชนที่อยู่นอกเรือนจำได้ และเหตุส่งเสริมประการสำคัญ ที่ก่อให้เกิดโรค คือ การอยู่กันอย่างหนาแน่น ซึ่งเป็นปัจจัยเอื้อต่อการแพร่กระจายโรคได้เป็นอย่างดี พิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือนับเป็นความก้าวหน้า เป็นผลสำเร็จของความพยายามร่วมกันขององค์กรภาคีที่จะร่วมกันดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบของโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขของเรือนจำ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ในเรื่องการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค และภัยสุขภาพในเรือนจำ 1.เพื่อพัฒนานโยบายการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ 2. เพื่อพัฒนาแนวทางการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ 3. ส่งเสริมบริการการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ 4. ประสานความร่วมมือและสนับสนุนกระบวนการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพในเรือนจำ