“อสมท” แถลงโชว์ผลประกอบการไตรมาส2 ปี’54 โกยรายได้รวม 1,520 ล้าน กำไร 500 กว่าล้าน มากกว่าไตรมาสแรก ลั่น ไม่หยุดพัฒนาแม้ว่าไตรมาสที่3 รายได้อาจจะลดลงเป็นปกติเหมือนเช่นทุกๆ ปี แต่โชคดีที่ปีนี้มีรายได้พิเศษจากการจ่ายสัมปทานของช่อง3 มาเสริม ส่วนคดี “วาสุ” กับ “ตุ๊กตา” ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
เติบโตอย่างต่อเนื่องกับสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี โดยวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้จัดแถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2554 ขึ้นที่ห้องประชุมชั้น 6 อาคารที่ทำการ บมจ.อสมท ย่านพระรามเก้า ซึ่งผลประกอบการเติบโตสูงขึ้นตามลำดับ มีรายได้จากโทรทัศน์ 1,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากรายได้โฆษณาที่เพิ่มสูงขึ้นในรายการข่าว กิจกรรมการเลือกตั้งและรายได้จากสื่อธุรกิจใหม่ ด้านธุรกิจวิทยุฯมีรายได้ 227 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 0.5 ทำให้มีรายได้รวมทั้งในไตรมาสที่ 2 ถึง 1,520 ล้านบาท เพิ่งขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553
โดยนาย “ธนวัฒน์ วังสม” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) เผยว่าในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา อสมท มีกำไรสุทธิถึง 500 กว่าล้านบาท ซึ่งไตรมาสที่ 3 ก็จะยังไม่หยุดพัฒนาแม้อาจจะมีรายได้ต่ำลงเหมือนปกติเช่นปีก่อนๆ ก็ตาม
“ไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาดีเลยครับ เรียกว่าเกินกว่าที่คาดหมาย รายได้โดยรวมในการพัฒนามีการก้าวกระโดด ทำให้กำไรสุทธิของเราเทียบเคียงกับช่วงเวลาที่ผ่านมา สูงกว่าเดิมถึงสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ กำไรสุทธิ 500 กว่าล้าน ก็รู้สึกดีใจครับ สำหรับองค์กร แต่เรายังมีเป้าหมายที่ท้าทายที่ต้องเร่งพัฒนาในการพัฒนาสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อย่างส่วนโครงสร้างของบริษัทเราจะมีการปรับในรูปแบบของกลุ่มธุรกิจ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านกฎหมาย เพราะเร็วๆ นี้คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการด้านโทรคมนาคมและสื่อกำลังจะเกิดขึ้น กสทช. เราก็มีการเตรียมความพร้อมในหลายๆ ด้านเพื่อรองรับกฎหมายใหม่ ทางด้านตัวเนื้อหาของเราทุกวันนี้เราโฟกัสทางด้านที่จะพัฒนาสื่อให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อประชาชน มีการจับมือร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่ทั่วประเทศและต่างประเทศ ก็คงจะเห็นปรากฏการณ์เหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว”
“เรายังเดินต่อไปตามวิสัยทัศน์ของเรา ว่าเราจะเป็นผู้ให้บริการสื่อชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคม การเป็นสื่อแบบสร้างสรรค์เรายังคงทำอยู่ และจะยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อย่างตัวเนื้อหาหรือโครงข่ายในการส่งสัญญาณสื่อในรูปแบบต่างๆ ของเราค่อนข้างครบวงจร นี่คือจุดเด่นของเราที่ไม่ว่าพี่น้องชาวไทยจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถเข้าถึงสื่อของ อสมท ได้หมด เพราะเรามีสื่อครอบทุกรูปแบบในมือ”
“ในเรื่องของผังรายการช่วงเดือนสิงหาคม จะมีการปรับผังรายการเพียงเล็กน้อย จะมีบางรายการที่เป็นรายการใหม่เข้ามา มีละครที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในปลายเดือนนี้ และเราเองกำลังเตรียมการรองรับที่จะนำเสนอช่องโทรทัศน์แบบไฮเดฟฟินิชั่นในช่วงปลายปีนี้ และจะเริ่มให้บริการเป็นรูปธรรมในต้นปีหน้า จริงๆ ระบบนี้เราทดลองกันมาตั้งแต่ปี2552 ก็ถือเป็นสถานีแรกที่มีการออกอากาศ แต่ตอนนั้นอุปกรณ์ภาพรับยังมีข้อจำกัดอยู่ แต่วันนี้ทุกอย่างสามารถรองรับสิ่งเหล่านี้ได้หมดแล้ว ก็คงจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น”
“เราจะเป็นรายแรกที่มีการผลิตละครแบบไฮเดฟฟิเนชั่น ส่วนกลุ่มธุรกิจสัมปทานจะมีโอกาสได้ใช้ระบบนี้รึเปล่า ทรูเองเขาเริ่มให้บริการในระบบนี้ไปแล้ว เพียงแต่ว่านั้นเป็นธุรกิจแบบตอบรับสมาชิก แต่ อสมท เราจะเน้นไปที่สื่อฟรีทีวี กับช่อง 3 นี่เรามีการคุยกันอยู่ แต่เราคงจะเป็นสถานีแรกที่ให้บริการทางด้านนี้”
คาดผลประกอบการไตรมาสถัดไปรายได้อาจลดลงเหมือนเช่นทุกๆ ปี แต่โชคดีที่มีรายได้พิเศษจากการจ่ายค่าสัมปทานของช่อง 3 มาเสริม ลั่น รายได้สุดท้ายไตรมาสที่ 4 จะกลับมาเติบโตต่อเนื่องตามปกติเหมือนเดิม
“ไตรมาสที่ 3 รายได้เราอาจจะลดลงมาหน่อย โดยปกติดหมือนๆ ทุกปีแต่เรามีตัวแปรคือ 405 ล้าน (ค่าสัมปทานจากช่อง 3) ที่จะมาเป็นรายได้พิเศษเข้ามา ก็เอามารวมกับกำไรสุทธิ อย่างช่วงต้นปีที่ผ่านมามีเรื่องของเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่นมันก็กระทบกับรายได้ของเรา เพราะโฆษณาสินค้าบางตัวที่มาจากญี่ปุ่นต่างก็มีผลกระทบ ส่วนช่วงนี้มีเรื่องของการลดเครดิตความน่าเชื่อถือ ในระดับการเงินของประเทศอเมริกา ตรงนี้เราคิดว่าไม่น่าจะกระทบกับเราเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้ว่ายังไงเหมือนกัน คงต้องรอดู แต่เชื่อว่าไตรมาสที่ 4 ก็คาดว่าเราจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนนาย “วาสุ เลิศจรรยา” ผู้อำนวยการคลื่นลูกทุ่งมหานคร FM 95 กรณีโดนสาว “ตุ๊กตา อุบลวรรณ บุญรอด” ไล่กระทืบ เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกปลดจากหน้าที่ดีเจกลางอากาศ โดยไม่การแจ้งล่วงหน้าและไม่ชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจน จนเป็นเหตุให้ดีเจสาวบันดาลโทสะเข้าไปทำร้ายร่างกาย อีกทั้งยังแฉนายวาสุว่าฉ้อโกงคลื่นวิทยุนั้น เจ้าตัวเผยยังไม่มีความคืบหน้า
“เราก็ตั้งกรรมการสอบสวนไปแล้วอยู่ในช่วงรวบรวมข้อมูล ในชั้นต้นเราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก็ตั้งกรรมการสอบที่เรียกว่ามาจากสภาทนายความที่มีความเป็นกลาง ก็กำลังรอผลการสอบสวนอยู่ จะรู้ผลเมื่อไหร่ตรงนี้คงขึ้นอยู่กับขั้นตอน บางทีก็ใช้เวลานาน 2-3 เดือน ถ้าต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ต้องให้โอกาสเขาหาอย่างเต็มที่ คงต้องรอผลจากคณะกรรมการสอบสวนก่อนครับ”