xs
xsm
sm
md
lg

ททท.หาดใหญ่เปิดตลาดท่องเที่ยวเกษตร นำ นทท.เรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรพอเพียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สหกรณ์โคนมพัทลุง
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ททท.สำนักงานหาดใหญ่จัดโครงการ “เที่ยวยกก๊วน ชมสวนชิมผลไม้” กระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่พึ่งพิงธรรมชาติตามวิถีชีวิตเกษตรกรแบบพอเพียง โดยศึกษาการดำเนินงานของสหกรณ์โคนม ซึ่งปัจจุบันส่งนมในโครงการนมโรงเรียนของภาคใต้ตอนล่าง และกำลังจะเปิดโรงงานแห่งใหม่มูลค่าอีก 200 ล้านบาท เรียนรู้การการดำรงชีวิตตามรอยในหลวงในการพึ่งพาตัวเอง ทำเกษตรที่ไม่ใช้สารเคมี และชมสวนสะละที่สร้างรายได้นับล้านบาท/ปี

นายประภาส อินทนปสาธน์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานหาดใหญ่ ได้จัดกิจกรรมเดินทางท่องเที่ยว “เที่ยวยกก๊วน ชมสวนชิมผลไม้” เพื่อส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวใน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตผัก ผลไม้ที่มีความสำคัญในการส่งขายยังจังหวัดใกล้เคียง และใช้เกษตรอินทรีย์ในการดูแล รวมถึงการใช้วิถีชีวิตเกษตรกรที่อยู่อย่างพอเพียง ตลอดจนส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เส้นทางหาดใหญ่-สหกรณ์โคนมพัทลุง-ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงนาขยาด-อุทยานเขาปู่ เขาย่า-สวนสละลุงถัน โดยมีคณะนักท่องเที่ยวสนใจร่วมเดินทางกว่าร้อยคน

สำหรับจุดแรกที่นักท่องเที่ยวได้เข้าชมและศึกษาความรู้นั้น คือ สหกรณ์โคนมพัทลุง โดยนายทวิทย์ มุขตา ผู้ช่วยผู้จัดการสหกรณ์โคนมพัทลุง กล่าวว่า ปัจจุบันสหกรณ์ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงโคนมเพื่อนำมาผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ในโรงงาน ซึ่งมีกำลังการผลิตได้ถึงวันละ 50 ตัน แต่วัตถุดิบก็ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากใน จ.พัทลุง นั้น มีโคนมที่กว่า 3,000 ตัว ซึ่งคิดเป็นวัตถุดิบที่ใช้ป้อนโรงงานผลิตเพียง 12 ตัน หรือ 50% เท่านั้น แต่ได้มีการซื้อน้ำนมดิบเพิ่มจากสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค บ้านเนินดินแดง จำกัด และสหกรณ์โคนมบางสะพาน จำกัด สัปดาห์ละประมาณ 200 ตัน

โดยลูกค้ารายหลัก 85% คือ โครงการนมโรงเรียนในภาคใต้ตอนล่างทั้งหมด และอีก 15% ส่งจำหน่ายให้กับตลาดทั่วไทย อย่างไรก็ตาม ในปี 2555 นั้น จะมีการเปิดโรงงานแห่งใหม่มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท เพื่อผลิตนมยูเอชที และส่งเสริมให้เกษตรกรรายเก่าเพิ่มปริมาณโคนมในฟาร์ม และขยายการเลี้ยงโคนมสู่ผู้สนใจรายใหม่ รวมถึงการทำสัญญาซื้อขายน้ำนมดิบกับแหล่งอื่นๆ เพื่อรองรับความต้องการที่จะมีขึ้นอีกจำนวนมาก

ขณะที่ อ.สุขุม ทองขุนดำ ปราชญ์ชาวบ้านผู้ก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ปราชญ์ชาวบ้านโงกน้ำ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า เดิมมีอาชีพรับราชการครู แต่มีความมุ่งหวังอย่างแรงกล้าที่ศึกษาและยึดมั่นในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง โดยได้ริเริ่มบุกเบิกที่ดิน 12 ไร่ ซึ่งเป็นมรดกของปู่มาทำการเกษตรแบบผสมผสาน และนำผลผลิตมาแปรรูปเป็นอาหาร ของใช้ เช่น แชมพูอัญชัน สบู่เหลวขมิ้นชัน เพื่อสร้างรายได้ พร้อมกับยึดกฎ 6 ข้อในการอยู่อย่างพอเพียงว่า ต้องลดรายจ่าย, หารายได้เพิ่ม, รู้จักจ่าย ประหยัด อดออม, เรียนรู้ตลอดเวลา, อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และมีความเอื้ออารี ทั้งนี้ อ.สุขุม ได้แบ่งปันความรู้และช่วยเหลือผู้ที่สนใจด้วยการฝึกอบรมซึ่งมีมากกว่า 45 รุ่น หรือเกือบ 4,000 คนแล้ว โดยแบ่งกลุ่มความรู้เป็น 17 วิชา เพื่อง่ายต่อการศึกษาและความสนใจของแต่ละคน

ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวยังได้เข้าชมศูนย์เรียนรู้ของชาวบ้านบ้านวังยาง ต.ตะแพน อ.ศรีบรรพต โดยมีการริเริ่มวางแผนการผลิตน้ำส้มควันไม้ ซึ่งเกิดจากการกลั่นตัวของควันจากการเผาถ่านกลายเป็นน้ำและนำมาใช้กับรดพืช ผัก มีผลในการป้องกันแมลง และโรคต่างๆ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ศึกษาขึ้นมาจากอดีต เนื่องจากเดิมนั้นชาวบ้านมีอาชีพทำไร่และมีการเผาป่าทำให้สังเกตเห็นว่าพืชที่ปลูกบริเวณนั้นมีความสมบูรณ์และทนทานต่อโรค จึงคิดค้นกลายเป็นน้ำส้มควันไม้ดังกล่าว จนกระทั่งขยายผลสู่การปลูกผักปลอดสารพิษ และการปักชำ เสียบยอดไม้ยืนต้น ทำให้ได้ลำต้นแข็งแรงและเป็นลูกเร็วขึ้น ทั้งนี้ บิดาของ นายสมใจ เพชรชัยทอง ได้บริจาคที่ดินส่วนตัวร่วม 6 ไร่ เพื่อเป็นที่ดินสาธารณะชุมชนของหมู่บ้านในการปลูกพืชปลอดสารพิษ และการขยายพันธุ์ไม้ยืนต้นเพื่อเป็นอาหาร พร้อมกับเปิดให้ผู้สนใจได้เดินทางเข้ามาเรียนรู้ ศึกษาอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาได้เดินทางมายังอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำของทะเลสาบสงขลา กินพื้นที่กว่า 400,000 ไร่ใน จ.พัทลุง ตรัง และนครศรีธรรมราช เดิมนั้นรัฐบาลเคยให้สัมปทานเอกชนตัดไม้ แต่ชาวบ้านได้รวมตัวกันต่อสู้และแย่งชิงกลับมาจนกระทั่งมีการผลักดันเป็นป่าชุมชน และประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติที่ยังมีความสมบูรณ์ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2525 จนถึงปัจจุบัน

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวของอุทยานแห่งนี้ มีทั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่บริการบ้านพัก ลานแคมปิ้ง การปั่นจักรยานเสือภูเขา การเดินป่า และมีจุดชมวิวผาผึ้ง น้ำตก เช่น น้ำตกหนานปลิว น้ำตกเหรียญทอง น้ำตกควนประ น้ำตกปากแจ่ม น้ำตกธาราวารินทร์ น้ำตกหนานสวรรค์ รวมถึงถ้ำมัจฉา ถ้ำวังนายพุด นอกจากนี้ยังมีอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใสอีกด้วย โดยทั้งหมดกระจายอยู่ทั้งใน 3 จังหวัด และมีธรรมชาติที่บริสุทธิ์ สะอาด เนื่องจากการเดินทางเข้าไปยังจุดต่างๆ นั้นต้องเดินเท้าเข้าไป

ปิดท้ายด้วยการเข้าชมสวนสะละลุงถัน ดำเรือง ชาวบ้านที่จบเพียง ป.4 แต่มีความคิดการณ์ไกลและมุ่งมานะในการยึดมั่นอาชีพเกษตรกร โดยได้มีการศึกษาการปลูกสะละจาก จ.จันทบุรี และสุราษฎร์ธานี น้ำมาบุกเบิกปลูกใน จ.พัทลุง และพัฒนาเรื่อยมาจนได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นสาขาทำสวนระดับภาค ปี 2552 แปลง GAP ดีเด่น ระดับจังหวัดพัทลุง การันตีคุณภาพและความสามารถยิ่งกว่าใบปริญญา จนกระทั่งปัจจุบันนี้มีสวนสะละขยายเป็น 20 ไร่ มีรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายร่วมล้านบาทต่อปี

ผักปลอดสารพิษ
มะนาวเสียบยอด ให้ผลได้แม้ต้นจะมีขนาดเล็ก

อ.สุขุม ทองขุนดำ ปราชญ์ชาวบ้านผู้ก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ปราชญ์ชาวบ้านโงกน้ำ

สวนสะละลุงถัน

กำลังโหลดความคิดเห็น