นครศรีธรรมราช - ชาวนครศรีธรรมราช ค้นพบซากดึกดำบรรพ์เป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์ชัดยาว 7 เมตรฝังในหินผนังถ้ำ คนเฝ้าเผลอมือดีลอบสกัดออกจากผนังถ้ำหายอื้อ ชาวบ้านวอนผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอนุรักษ์เร่งด่วนลุ้นพบสายพันธุ์ใหม่เป็นที่แรกของโลก
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าชาวบ้านใน ม.5 ต.วังหิน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับ อ.ห้วยยอด และ อ.รัษฎา จ.ตรัง ได้มีการค้นพบซากกระดูกดึกสัตว์ดำบรรพ์ ซึ่งน่าเชื่อว่าจะเป็นซากไดโนเสาร์กลายเป็นหินฝังอยู่ในผนังถ้ำบนภูเขากอค่างขาว ซึ่งเป็นภูเขาขนาดย่อมอยู่ในย่านดังกล่าว จึงเข้าทำการตรวจสอบเนื่องจากหากเป็นซากสัตว์โบราณจะเป็นการค้นพบเป็นที่แรกๆของภาคใต้ที่ซากดังกล่าวยังคงมีความสมบูรณ์
โดยผู้พบเป็นรายแรกคือนายบุญลือ สีทองแก้ว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.วังหิน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช และทีมงานคือนายสุวาสน์ ทองเนื้ออ่อน อดีต ส.อบต.ม.5 ต.วังหิน นายประนอม บุญจันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.วังหิน ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวประสานขอเข้าพื้นที่ไปตรวจสอบแล้วจึงได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการพาเข้าไปชม
ซึ่งบริเวณภูเขาดังกล่าวนั้นยังคงมีสภาพที่อุดมสมบูรณ์อุดมไปด้วยต้นจันทน์หอมซึ่งเป็นไม้เครื่องสูงสำหรับปลงพระศพพระบรมวงศานุวงศ์และพระเถรานุเถระ และนับเป็นจุดเดียวก็ว่าได้ที่เป็นแหล่งไม้จันทร์หอมของนครศรีธรรมราช ที่อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง ส่วนจุดที่พบนั้นเป็นถ้ำที่อยู่ติดกับเชิงเขาดังกล่าวต้องใช้ความพยายามในการปีนป่านลึกลงไปราว 3 เมตรก่อนที่จะวกเข้าไปอีกเป็นระยะทางราว 20 เมตร จึงถึงจุดที่มีการค้นพบซากดังกล่าว โดยพบว่าซากนั้นยังคงเหลือเพียงบางส่วน เช่นกะโหลกของสัตว์ดังกล่าวที่อยู่สูงจากพื้นถ้ำราว 3 เมตร ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับและเห็นได้ชัดว่าเป็นกะโหลกขนาดใหญ่ฝังในเนื้อหิน กระดูกสันหลัง ซี่โครง ท่อนขาขนาดใหญ่ อยู่ในผนังหินสูงประมาณ 2 เมตรเศษ และมีผนังถ้ำที่คล้ายกับเป็นแผ่นหนังของสัตว์ดังกล่าวซึ่งเสียหายไปบางส่วนแล้ว เนื่องจากถูกกลุ่มวัยรุ่นและผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์สกัดออกไปจากผนังถ้ำโจรกรรมไปเป็นจำนวนมาก
นายสุวาสน์ ทองเนื้ออ่อน อดีต ส.อบต.ม.5 ต.วังหิน อ.บางขัน เปิดเผยว่า การค้นพบดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ทหารจากกองบัญชาการช่วยรบที่ 4 และกองพลทหารราบที่ 5 ค่ายเทพสตรี ได้มาร่วมกับชาวบ้านพัฒนาปรับภูมิทัศน์บริเวณภูเขานี้เพื่อปรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นภูเขาที่มีต้นจันทร์หอมเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นไม้เครื่องสูงในราชพิธีพระศพพระบรมวงศานุวงศ์ต่างๆ มีชาวบ้านร่วมกับทหารนับร้อยคนร่วมกันพัฒนา
“การค้นพบนั้นนายบุญลือ สีทองแก้ว ผช.ผญบ.ม.5 ต.วังหิน เป็นคนนำทีมเข้าไปบุกเบิกในถ้ำซึ่งโดยปกติแล้วมีการเข้าไปเก็บค้างคาวอยู่บ้างแต่ใครไม่เคยเห็น วันนั้นไปพบอย่างบังเอิญ ต่างก็มาร่วมกันดูและเชื่อว่าเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ และตั้งใจร่วมกันอนุรักษ์ทั้งป่าไม้จันทร์หอมและซากสัตว์โบราณไว้เป็นแหล่งท่องเที่ยว” นายสุวาสน์กล่าว
ขณะที่นางประคอง ภักดีราษฎร์ อายุ 42 ปี ชาว ม.5 ต.วังหิน เปิดเผยว่า เป็นที่น่าเสียดายที่ช่วงชาวบ้านเผลอได้มีวัยรุ่น และกลุ่มผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการไปสกัดซากกระดูกออกมาจากหินในถ้ำบางส่วนแล้วเอาไปทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งชาวบ้านกำลังช่วยกันเฝ้าไม่ให้เกิดขึ้นอีก และขอให้ผู้ที่มีความรู้ทางด้านนี้มาตรวจสอบอาจจะเป็นการค้นพบทางโบราณคดีที่เป็นแห่งเดียวในโลกก็ว่าได้
ขณะที่นายสวัสดิ์ บุญอินทร์ อาจารย์ประจำโรงเรียนบ้านสวน ม.5 ต.วังหิน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในวันนั้นเมื่อมีการค้นพบตนได้เข้าไปบันทึกภาพได้ในขณะที่ยังมีความสมบูรณ์มากทั้งกะโหลก ช่องท้องที่มีสันหลังและซี่โครงค่อนข้างชัด เป็นโครงที่ใหญ่มาก ไม่ใช่ช้างอย่างแน่นอน โดยส่วนตัวเชื่อว่าเป็นไดโนเสาร์เช่นเดียวกัน ซึ่งเห็นควรศึกษาให้ชัดเจนแล้วช่วยกันอนุรักษ์เป็นแหล่งค้นพบที่สำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาคนี่ก็ว่าได้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช ซึ่งติดภารกิจสำคัญยังไม่สามารถให้ความรู้ในเรื่องนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายในเบื้องต้นนั้นลักษณะของกะโหลกส่วนหัวบางส่วนที่เห็นนั้นคล้ายกับ ทีเร็กซ์ ซึ่งเป็นไดโนเสาร์พันธ์กินเนื้อ หรืออาจจะเป็นไดโนเสาร์กินพืชชนิดใหม่ก็เป็นได้ซึ่งควรตรวจสอบอย่างเร่งด่วยก่อนที่จะมีความเสียหายกับซากมากไปกว่านี้