xs
xsm
sm
md
lg

นายทุนเหิมรุกป่าชายเลนคลองท่อมใต้อ้างมี น.ส.3 ก.ทำป่าเสียหายกว่า 30 ไร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กระบี่ - นายทุนเหิม อ้างเอกสารสิทธิ น.ส.3ก. รุกป่าชายเลนคลองท่อมใต้ที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์เสียหายกว่า 30 ไร่ ด้าน ผอ.ส่วนบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 เผยได้ขอร้องให้หยุดดำเนินการจนกว่าจะมีการตรวจสอบเสร็จ แต่นายทุนไม่รับปาก

วันนี้ (11 ส.ค.) นายทรงฤทธิ์ บำรุง ประธานกลุ่มอนุรักษ์ ป่าริมเลบ้านเรา กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่ตำบลคลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ยังมีการทำลายทรัพยากรป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เกรงงกลัวกฎหมาย ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้มีนายทุนในพื้นที่นำรถแบ็กโฮไปรับพื้นที่ป่าสมบูรณ์ พื้นที่หมู่ที่ 7 ต.คลองท่อมใต้ เสียหายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ไร่

ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีใครกล้าร้องเรียนเนื่องจากเกรงกลัวอิทธิพล เพราะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะมีการอ้างเอกสารสิทธิ ซึ่งไม่ทราบว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ด้าน นายไมตรี แสงอริยนันท์ ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 เปิดเผยว่า หลังจากที่ทราบว่ามีการทำลายป่าชายเลน ในพื้นที่บ้านใต้ ม.7 ต.คลองท่อมใต้ ก็ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ทันที โดยในวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมาตนก็ได้ลงตรวจสอบพื้นที่ พบมีการนำรถแบ็คโอปรับพื้นที่ ป่าชายเลนที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์จำนวนมาก แต่ขณะเข้าพื้นที่ได้มีนายสุบิน เอ่งฉ้วน มีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลคลองท่อมใต้ อ้างเป็นเจ้าของที่ และนำเอกสารสิทธ น.ส.3 ก.มาแสดง เนื้อที่รวม 37 ไร่

ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 เปิดเผยอีกว่า ตนเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าว จากการที่ลงตรวจสอบพื้นที่ ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบว่ามีสภาพความอุดมสมบูรณ์มาก และมีพันธุ์ไม้ป่าชายเลนหายากหลายชนิด ไม่พบว่ามีการทำประโยชน์ต่อเนื่อง จึงขอร้องให้นายสุบินระงับการปรับพื้นที่ชั่วคราวเพื่อรอการตรวจสอบ ว่ามีการรุกล้ำออนอกเขต น.ส.3 ก.หรือไม่ แต่นายสุบินไม่รับปาก หลังจากนั้นจึงได้ทำบันทึกการตรวจสอบ และนำเรื่องรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ตั้งกรรมการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยให้นายอำเภอคลองท่อม เป็นประธาน พร้อมทั้งสั่งการให้นายอำเภอแจ้งให้นายสุบิน หยุดดำเนินการชั่วคราว แต่ประมาณ 3 วันให้หลังก็มีการปรับพื้นที่ต่อไปอีกเป็นบริเวณกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สนใจคำสั่งผู้ว่าแต่อย่างใด คาดว่าเสียหายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ไร่ ซึ่งหลังจากนี้คงต้องรอให้คณะกรรมการตรวจสอบที่ ผวจ.ตั้งไว้แล้ว ประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น