ตรัง - อดีตครูเมืองตรังขับเก๋งตัดหน้าขบวนรถไฟ ถูกชนเข้าอย่างจังแล้วลากไปไกลกว่า 150 เมตร แต่กลับรอดหวุดหวิด เจ้าตัวเชื่อเป็นเพราะบารมีของ “หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้”
เมื่อเวลา 12.50 น.วันนี้ (13 ก.ค.) พ.ต.ท.สุวิทย์ ยุทธนาการ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถไฟชนรถเก๋ง ที่บริเวณถนนพาดรางรถไฟคลองน้ำเจ็ด ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และประสานไปยังเจ้าหน้าที่กู้ภัย เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบหัวรถจักรขบวนรถไฟที่ 167 กรุงเทพฯ-กันตัง ชนกับรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า โคโรลล่า สีเขียว ทะเบียน ก 4760 ตรัง ในสภาพที่ตะขอรถไฟเกี่ยวกับกระจังหน้ารถเก๋ง และลากไปไกลกว่า 150 เมตร ทำให้กระจกทั้งด้านหน้า และด้านข้างของรถเก๋งแตกละเอียด ส่วนประตูข้างซ้ายของรถเก๋งก็ถูกชนจนพังยับเยิน
สำหรับคนขับรถยนต์เก๋งรายนี้ หลังเกิดเหตุสามารถช่วยเหลือตัวเองเปิดประตูลงมาจากรถได้ โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงสีหน้าที่บ่งบอกถึงอาการตกใจอย่างหนักเท่านั้น ทราบชื่อคือ นางบุญเหิม จันทร์แก้ว อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200/61 หมู่บ้านศรีตรัง หมู่ที่ 10 ถ.ตรัง-ปะเหลียน ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง เป็นอดีตครูโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง ที่เพิ่งจะลาออกมาตามโครงการเออลีรีไทร์
จากการสอบถาม นางบุญเหิม คนขับรถ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถเก๋งคันดังกล่าวกลับจากสวน ในพื้นที่ ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมืองตรัง และกำลังจะกลับบ้านที่หมู่บ้านศรีตรัง แต่ระหว่างทางเมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นจุดตัดผ่านรางรถไฟ ถ.คลองน้ำเจ็ด ก็ได้ชะลอความเร็วของรถเพื่อขับผ่าน โดยที่ไม่ได้ยินเสียง และเห็นว่า มีรถไฟกำลังวิ่งมา แต่ได้รู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อรถไฟวิ่งมาชนเข้ากับด้านข้างประตูรถเก๋งอย่างจังแล้ว
นางบุญเหิม เล่าต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ยังตกใจว่า จังหวะนั้นยอมรับว่า รู้สึกตกใจ และไม่คาดฝันว่า เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อนึกขึ้นได้ก็พยายามตั้งสติ และไม่ถอดสายรัดเข็มขัดนิรภัยออก เพราะกลัวว่าหากถอดออกแล้ว จะทำให้ตนไม่ปลอดภัย ทั้งนี้ ระหว่างที่รถไฟลากไป ก็ได้แต่นั่งมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ภายในรถเก๋งอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย พร้อมกับนึกถึงพ่อและแม่ตลอดเวลา
จนกระทั่งเมื่อรถไฟหยุดวิ่งแล้ว ตนก็เปิดประตูลงมาจากรถ เพื่อสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตนคิดว่า น่าจะเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ที่ตนแขวนติดคออยู่เป็นประจำ ที่ช่วยดลบัลดาลให้ตะขอของรถไฟเกี่ยวกับรถเก๋งของตนไว้ เพราะถ้าหากไม่มีอะไรเกี่ยวหรือยึด รถของตนก็คงจะตกลงไปข้างทาง ซึ่งเป็นคันดินต่างระดับลึกประมาณ 1.30 เมตร ซึ่งอาจทำให้บาดเจ็บได้
นายประหยัด กาญจนโสภณ นายสถานีรถไฟ จ.ตรัง กล่าวว่า รถไฟขบวนดังกล่าว มี นายรัษฎา รักษ์สังข์ เป็นคนขับ วิ่งมาจากต้นทางกรุงเทพฯ โดยมีจุดหมายปลายทางสิ้นสุดที่ อ.กันตัง จ.ตรัง และเมื่อรถไฟออกจากชานชาลาที่สถานีรถไฟตรังแล้ว จะใช้ความเร็วแค่ 20 กม./ชม. จึงไม่พบว่ามีทรัพย์สินของการรถไฟฯ ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของคนขับขี่รถเก๋งเอง และไม่ใช่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานขับรถไฟ
ดังนั้น ในขณะนี้จึงยังไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หากมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ก็ต้องรอดูท่าทีต่อไป อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า จุดตัดรางรถไฟดังกล่าว ไม่มีเครื่องกั้นและสัญญาณไฟบอกเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนน จึงมักทำให้เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาเคยทำเรื่องเสนอไปแล้ว แต่การรถไฟฯ ไม่มีงบประมาณจะมาดำเนินการให้