xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการยะลาชี้เขตปกครองพิเศษทำได้ แต่ต้องทำการเมืองให้สะอาดก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผศ.ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
ยะลา - นักวิชาการหลายฝ่าย ในพื้นที่ จ.ยะลา ชี้ถึงความเป็นไปได้ของเขตปกครองพิเศษนครปัตตานี หลังพรรคเพื่อไทยสามารถได้เป็นรัฐบาล แนะต้องทำการเมืองให้สะอาดปลอดต่อการซื้อเสียงเสียก่อน

ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคการเมืองหลายต่อหลายพรรคได้มีการชูนโยบายต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาทางด้านการศึกษา การแก้ไขปัญหาในเรื่องของการว่างงาน การแก้ไขปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในประเทศ จะเน้นสร้างความปรองดอง ให้เกิดขึ้นภายในประเทศ เพื่อหาเสียงให้แก่พรรคของตนเอง

เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ที่มีชูนโยบายเอาใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าหากพรรคของตน ได้มีโอกาสเป็นรัฐบาล จะเสนอให้มีการยุบ “ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” หรือ (ศอ.บต.) และจะตั้งเขตปกครองพิเศษใหม่ที่รวม 3 จังหวัดเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวในชื่อ “นครปัตตานี” เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน

ผศ.ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มองในจุดนี้ว่าพรรคเพื่อไทยได้ชูนโยบายในเรื่องของเขตการปกครองพิเศษในชื่อ “นครปัตตานี” ผลปรากฏว่า ในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้ตอบรับในเรื่องคะแนนของพรรคเพื่อไทย ในส่วนนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องมามอง ซึ่งตนคิดว่ารูปแบบการปกครองในแบบนี้ เป็นรูปแบบที่ไม่ใช่เฉพาะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกร้องเพียงอย่างเดียว

ตนคิดว่าพี่น้องทั่วทั้งประเทศก็เรียกร้อง การปกครองแบบการกระจายอำนาจ เพราะว่าในท้ายที่สุดการปกครองที่ดีที่สุด คือจะต้องเอาผู้บริหารที่พี่น้องประชาชน หรือมาจากประชาชน โดยตรง ในจุดนั้นก็เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศเรียกร้อง ไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ประเด็นในเรื่องของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถที่จะแยกส่วนออกว่าต้องการเพื่อจะนำไปตอบโจทย์บางส่วนในเรื่องความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ถ้าหากว่ามีการปกครอง อย่างที่มีการนำเสนอ ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ก็อาจจะคลี่คลายลงไปได้

ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพี่น้องประชาชน ความพร้อมของหลายๆ องค์ประกอบ ถ้าหากว่ารีบ หรือด่วนตัดสินใจ มันอาจจะมีปัญหาได้ในระยะยาวต่อไป เฉพาะฉะนั้น ควรที่จะมีการทบทวนให้ละเอียดรอบคอบ เพราะว่าในท้ายที่สุด ตนเองมั่นใจอย่างยิ่งว่า ประเทศไทยทุกจังหวัดต้องมีการกระจายอำนาจสู่ท่องถิ่นทั้งหมด ในอนาคตภายใน 20 ปี จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เกือบครึ่งประเทศอย่างแน่นอน

ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เหมือนกัน ที่จะต้องมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ดูที่ระยะเวลา ว่าจังหวัดไหนบ้าง ที่มีความพร้อม พร้อมทั้งเรื่องประชาชน พร้อมทั้งเรื่องขององค์กรต่างๆ ความรู้ความเข้าใจต่างๆ ของพี่น้องประชาชนก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ซึ่งจะมั่นใจได้อย่างไรว่า กระบวนการคัดเลือก หรือว่าเลือกตั้งผู้บริหารของท้องถิ่น พี่น้องประชาชนจะได้ตัวแทนอย่างแท้จริง ไม่มีการกระบวนการซื้อสิทธิขายเสียง ตราบใดยังแก้ปัญหาในจุดนี้ไม่ได้ กระบวนการเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่นที่จะเข้ามาปกครองก็จะมีปัญหา

ฉะนั้น ต้องมีการทำให้การเมืองสะอาดเสียก่อน แล้วประเทศ หรือท้องถิ่นก็จะได้ผู้นำที่ดี ถ้าหากว่าการเมืองยังไม่สะอาด ยังมีปัญหาของการซื้อสิทธิขายเสียงอยู่ จะมีรูปแบบที่สวยงามอย่างไรก็แล้วแต่ ซึ่งตนเองก็เห็นด้วยกับรูปแบบที่มีการนำเสนอ แต่มันยังไม่ถึงเวลา ฉะนั้นจึงต้องทำให้การเมืองให้สะอาด จะมั่นใจได้อย่างไรว่าผู้ที่จะมาบริหารเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริงตรงนี้ตนเองไม่ค่อยมั่นใจ เพราะกระบวนการคัดกรองเหล่านี้ยังคงมีปัญหา

ด้านนายนิมุ มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา และประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดยะลา กล่าวในเรื่องนี้ว่า ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่มีความสำคัญ สำหรับพรรคเพื่อไทย ชูนโยบายให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการที่จะ จัดตั้งเขตการปกครองพิเศษ ในชื่อ “นครปัตตานี” หากสามารถได้เป็นรัฐบาล ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี ตนเองพร้อมสนับสนุน หากเป็นสิ่งที่สามารถทำให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดความสงบสุขขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม คนของพรรคเพื่อไทยถึงแม้ว่าจะไม่สามารถชิงเก้าอี้ ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ได้ ประชาชนส่วนใหญ่ก็หวังอย่างยิ่งว่า คงจะมองถึงอนาคตของชาติ อนาคตของประเทศมากกว่า ซึ่งในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กระบวนการนโยบายทั้งหลายที่พรรคเพื่อไทยได้ตั้งไว้ เพื่อการแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ตนเองคาดว่าน่าจะมีการดำเนินต่อไป แม้จะไม่มี ส.ส. ในพื้นที่ภาคใต้ หรือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ตาม

สิ่งที่ประชาชนในพื้นที่ต้องการเห็น คือ เป้าหมาย และจุดประสงค์หลัก คืออะไร ในการดำเนินการแก้ไขปัญหา กระบวนการ และวิธีการ มีความชัดเจนมากน้อยแค่ไหน ขั้นตอนเป็นอย่างไร โดนเฉพาะอย่างยิ่งภาคประชาชนต้องมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหนในการเห็นชอบ และเข้าไปร่วมดำเนินการ เพราะการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้แก้ปัญหา คือ ภาคประชาชน แต่ผู้อำนวยการแก้ปัญหา คือ รัฐบาล และผู้ที่จะต้องบริหารการจัดการ คือ จังหวัด รวมทั้ง หรือหน่วยงานต่างๆ เช่น ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ (ศอ.บต.) หน่วยงานทหาร หน่วยงานตำรวจ ทั้งหมดมีโอกาสที่จะสร้างความเป็นหนึ่งได้ หากสามารถผนวกทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน และไปผนวกกับภาคประชาชน ตนเองเชื่อมั่นว่าแนวนโยบายจะสามารถสัมฤทธิผลได้
นายนิมุ มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา
กำลังโหลดความคิดเห็น