สตูล - นักสู้ทวงสิทธิ์ที่ดิน “วังตาหงา” ยังเดินหน้าขอที่ดินคืน หลังจากที่รัฐบุกรุกพื้นที่ 44 ไร่เพื่อทำอ่างเก็บน้ำ แต่สุดท้ายกลายเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดในหมู่บ้าน แม้จะเดินหน้าเรียกร้องและฟ้องศาลไว้ตั้งแต่ต้นปี แต่ก็ยังไร้เจ้าหน้าที่มาดูแล
วันนี้ (6 ก.ค.) นายรอหีม พลาอาด ประธานองค์การความร่วมมือเพื่อสิทธิพลเมือง พึ่งตนเอง อนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน พร้อมชาวบ้านในพื้นที่บ้านวังตาหวา หรือที่เรียกในนามว่า นักสู้ทวงสิทธิ์ที่ดินยังคงเดินหน้าเรียกร้องสิทธิ์ที่ดินในพื้นที่ 44 ไร่เศษ หมู่ที่ 5 ต.ควนสตอ อ.ควนโดน จ.สตูล หลังทางสำนักงานชลประทานที่ 16 สงขลา อบต.ควนสตอ ดำเนินการสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำ โดยชาวบ้านเจ้าของที่ดินในพื้นที่ไม่ยินยอม และต้องการทวงสิทธิ์ที่ดินของตนกลับคืนมา
ขณะที่สถานที่อ่างเก็บน้ำบ้านวังตาหงาได้สร้างเสร็จสมบูรณ์ แต่สภาพปัจจุบันกลายเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดของวัยรุ่นที่เดินทางมั่วสุมทั้งกวางวันและกลางคืน และพบมีขวดยาแก้ไข เม็ดยาแก้ไอที่ร่วงหล่นตามพื้นที่ศาลากลางน้ำ และขวดน้ำอัดลม ถุงพลาสติก เศษอาหารที่ลอยอยู่ในบริเวณริมสระอ่างเก็บน้ำ ถึงแม้จะมีประชาชนเดินทางเข้าไปเที่ยวชมกลับต้องผวา เมื่อบางครั้ง มีวัยรุ่นเมาสุรา
โดยนายรอหีม พลาอาด ประธานองค์การความร่วมมือเพื่อสิทธิพลเมือง พึ่งตนเอง อนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน พร้อมชาวบ้านในพื้นที่รวมตัวกันนำป้ายข้อความแสดงเขตห้ามเข้า นำมาติดประกาศห้ามบุคคลภายนอกเข้า และรอความหวังว่าสักวันฟ้ามีตาช่วยเหลือ และได้ที่ดินกลับคืนมาสู่ครอบครัวในพื้นที่สระเก็บน้ำวังตาหงา หมู่ที่ 5 ต.ควนสตอ อ.ควนโดน จ.สตูล ซึ่งที่มาทำติดป้ายประกาศในครั้งนี้ โดยอ้างว่าอยู่ในขั้นตอนของศาลปกครอง ภายหลังจากป้ายเดิมถูกมือดีทำลายทิ้งไป
นายรอหีม พลาอาด กล่าวว่า การเดินทางเข้ามาติดป้ายในครั้งนี้ เพราะป้ายเดิมที่ติดอยู่ถูกทำลายทิ้ง ทั้งนี้ เพื่อประกาศให้รู้ว่าการเรียกร้องสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งถูกก่อสร้างเป็นอาคาร และสระเก็บน้ำ ซึ่งขณะนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วบนพื้นที่ของตนเองและชาวบ้านอีกหลายราย ซึ่งมีเอกสารสิทธิ์ถือครองอยู่ แต่ไม่ได้อุทิศที่ดินให้ดำเนินการตั้งแต่ครั้งแรก
โดยเรื่องขณะนี้อยู่ในชั้นศาลปกครอง ซึ่งได้ยื่นเรื่องฟ้องร้อง กรมชลประทาน สำนักชลประทานที่ 16 อบต.ควนสตอ และ อบจ.สตูล” เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา ในกรณีบุกรุกพื้นที่สาธารณะ บุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล ละเมิดสิทธิชุมชนอย่างต่อเนื่อง และการใช้อำนาจโดยมิชอบของภาครัฐ
