นครศรีธรรมราช - ประธานชุมชน อสม.เมืองคอน ยื่นหนังสือร้องเรียนตรวจสอบความโปร่งใส หลังผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ดร.กณพ เกตุชาติ ลูกชายอดีตนายกเล็กพ่ายแพ้ยกทีม ให้กับผู้สมัครน้องชาย “เทพไท” ขณะที่หมอทยอยยื่นใบลาออก ท่ามกลางความงุนงงของหลายฝ่าย
วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่ซอยอัศวรักษ์ 1 ถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ประธานชุมชน แม่บ้านและ อสม.เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ทั้ง 53 ชุมชน รวมกว่า 70 คน เดินทางมารวมตัวกันเพื่อแสดงออกถึงกรณีผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทีมสมนึก (นายสมนึก เกตุชาติ อดีตนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช) พ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับทีม นายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ พี่ชายของ นายเทพไท เสนพงศ์ โดยนอกจากตัวผู้สมัครนายกเทศมนตรี คือ ดร.กณพ เกตุชาติ พ่ายแพ้ไปอย่างยับเยินถึงเกือบ 10,000 คะแนน อย่างน่าเหลือเชื่อ และผู้สมัครในส่วนของสมาชิกสภาเทศบาลรวม 24 คน พ่ายแพ้ทั้ง 24 คน ท่ามกลางความงุนงงของหลายฝ่าย
ในเรื่องดังกล่าวปรากฏว่า ส่งผลให้ประธานชุมชน และ อสม.ต่างสงสัยกับผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น จึงนัดมารวมตัวกันเพื่อแสดงเจตนารมณ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส และส่วนหนึ่งได้ทยอยยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นประธานชุมชน และ อสม. ผอ.สำนักสวัสดิการ เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ตามลำดับขั้นตอนระเบียบปฏิบัติ นอกจากนั้นเมื่อช่วงเย็นของวานนี้ (20 มิ.ย.) กลุ่ม อสม.จำนวนหนึ่งได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามข้อเท็จจริงหลังจากมีกระแสข่าวการยื่นใบลาออกของแพทย์
โดยพบว่า ขณะนี้มี นพ.ประทีป หุตางกูร แพทย์ประจำโรงพยาบาลเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้ลาออกไปแล้ว 1 ราย เนื่องจากไม่มั่นใจในการทำงานในอนาคต และยังมีแนวโน้มว่าแพทย์ผู้บริหารบางรายจะยื่นใบลาออกตามอีกด้วย เนื่องจากขณะนี้มีการเตรียมร่างใบลาออกไว้เรียบร้อยแล้วรอการลงนามเข้าสู่กระบวนการเท่านั้น
ในส่วนของการตรวจสอบการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น นายสุรโรจน์ นวลมังศอ ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำทีมสมนึก เปิดเผยว่า ได้มาประชุมหารือตรวจสอบ พบว่า มีความไม่ปกติเกิดขึ้นหลายช่วงหลายตอนในกระบวนการเลือกตั้ง มาจนถึงการนำส่งหีบคะแนน ที่ล่าช้ากว่าปกติมาก หีบบัตรลงคะแนนที่ไปโผล่อยู่ที่โรงเรียนเสมาเมือง ก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยไปโผล่อีกครั้งที่สถานที่นับคะแนนในสนามกีฬาจังหวัด
“ขณะนี้กำลังหารือกันว่าจะตรวจสอบการเลือกตั้งครั้งนี้ ด้วยการล่ารายชื่ออย่างน้อย 30,000 รายชื่อ ซึ่งเป็นผู้ที่ลงคะแนนพร้อมเลข 13 หลักชัดเจน เพื่อตรวจสอบบัตรเลือกตั้ง การกาบัตร และข้อพิรุธ เรานึกไม่ถึงว่ากระบวนการแบบนี้จะมีนึกว่าหมดไปแล้วกลับมีมาอีก”
สิ่งที่ยังมีความเป็นห่วง คือ เรื่องของงบประมาณ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้บริหารชุดเก่าได้ใช้งบประมาณสำหรับการทุ่มเทด้านการศึกษาเป็นจำนวนมหาศาล เกรงว่า ส่วนนี้จะถูกโยกไปด้านอื่นจนเรื่องของการศึกษาลดน้อยลงผู้ปกครองของนักเรียนที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราชเคยดูแลส่งเสียให้เรียนในระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนนอกเขตเทศบาล โดยทางเทศบาลดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทาง ซึ่งเป็นผลผลิตของทรัพยากรบุคคลของเทศบาลต่างหวั่นว่าบุตรหลานจะไม่ได้ได้รับการดูแลเหมือนเดิมและจะต้องออกกลางคัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้งท้องถิ่น ได้แจ้งผลคะแนนในการจัดการเลือกตั้งมายัง กกต.นครศรีธรรมราช เรียบร้อยแล้ว โดย กกต.นครศรีธรรมราช ได้รับรองการรายงานผลคะแนนส่งไปยัง กกต.กลาง เพื่อพิจารณา ซึ่งคนละส่วนกับเรื่องของการร้องเรียนโดยการร้องนั้นทราบว่ามีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน โดยจะดำเนินการควบคู่กันไป เนื่องจากประกาศ คปค.ได้กำหนดไว้ว่าต้องรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 30 วัน ดังนั้น ในกรอบนี้ กกต.ต้องพิจารณารับรองไปก่อนในส่วนของเรื่องร้องเรียนนั้นจะพิจารณาผลอย่างไรจะยื่นให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้มีวินิจฉัย
วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่ซอยอัศวรักษ์ 1 ถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ประธานชุมชน แม่บ้านและ อสม.เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ทั้ง 53 ชุมชน รวมกว่า 70 คน เดินทางมารวมตัวกันเพื่อแสดงออกถึงกรณีผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทีมสมนึก (นายสมนึก เกตุชาติ อดีตนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช) พ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับทีม นายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ พี่ชายของ นายเทพไท เสนพงศ์ โดยนอกจากตัวผู้สมัครนายกเทศมนตรี คือ ดร.กณพ เกตุชาติ พ่ายแพ้ไปอย่างยับเยินถึงเกือบ 10,000 คะแนน อย่างน่าเหลือเชื่อ และผู้สมัครในส่วนของสมาชิกสภาเทศบาลรวม 24 คน พ่ายแพ้ทั้ง 24 คน ท่ามกลางความงุนงงของหลายฝ่าย
ในเรื่องดังกล่าวปรากฏว่า ส่งผลให้ประธานชุมชน และ อสม.ต่างสงสัยกับผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น จึงนัดมารวมตัวกันเพื่อแสดงเจตนารมณ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส และส่วนหนึ่งได้ทยอยยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นประธานชุมชน และ อสม. ผอ.สำนักสวัสดิการ เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ตามลำดับขั้นตอนระเบียบปฏิบัติ นอกจากนั้นเมื่อช่วงเย็นของวานนี้ (20 มิ.ย.) กลุ่ม อสม.จำนวนหนึ่งได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามข้อเท็จจริงหลังจากมีกระแสข่าวการยื่นใบลาออกของแพทย์
โดยพบว่า ขณะนี้มี นพ.ประทีป หุตางกูร แพทย์ประจำโรงพยาบาลเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้ลาออกไปแล้ว 1 ราย เนื่องจากไม่มั่นใจในการทำงานในอนาคต และยังมีแนวโน้มว่าแพทย์ผู้บริหารบางรายจะยื่นใบลาออกตามอีกด้วย เนื่องจากขณะนี้มีการเตรียมร่างใบลาออกไว้เรียบร้อยแล้วรอการลงนามเข้าสู่กระบวนการเท่านั้น
ในส่วนของการตรวจสอบการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น นายสุรโรจน์ นวลมังศอ ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำทีมสมนึก เปิดเผยว่า ได้มาประชุมหารือตรวจสอบ พบว่า มีความไม่ปกติเกิดขึ้นหลายช่วงหลายตอนในกระบวนการเลือกตั้ง มาจนถึงการนำส่งหีบคะแนน ที่ล่าช้ากว่าปกติมาก หีบบัตรลงคะแนนที่ไปโผล่อยู่ที่โรงเรียนเสมาเมือง ก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยไปโผล่อีกครั้งที่สถานที่นับคะแนนในสนามกีฬาจังหวัด
“ขณะนี้กำลังหารือกันว่าจะตรวจสอบการเลือกตั้งครั้งนี้ ด้วยการล่ารายชื่ออย่างน้อย 30,000 รายชื่อ ซึ่งเป็นผู้ที่ลงคะแนนพร้อมเลข 13 หลักชัดเจน เพื่อตรวจสอบบัตรเลือกตั้ง การกาบัตร และข้อพิรุธ เรานึกไม่ถึงว่ากระบวนการแบบนี้จะมีนึกว่าหมดไปแล้วกลับมีมาอีก”
สิ่งที่ยังมีความเป็นห่วง คือ เรื่องของงบประมาณ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้บริหารชุดเก่าได้ใช้งบประมาณสำหรับการทุ่มเทด้านการศึกษาเป็นจำนวนมหาศาล เกรงว่า ส่วนนี้จะถูกโยกไปด้านอื่นจนเรื่องของการศึกษาลดน้อยลงผู้ปกครองของนักเรียนที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราชเคยดูแลส่งเสียให้เรียนในระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนนอกเขตเทศบาล โดยทางเทศบาลดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทาง ซึ่งเป็นผลผลิตของทรัพยากรบุคคลของเทศบาลต่างหวั่นว่าบุตรหลานจะไม่ได้ได้รับการดูแลเหมือนเดิมและจะต้องออกกลางคัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้งท้องถิ่น ได้แจ้งผลคะแนนในการจัดการเลือกตั้งมายัง กกต.นครศรีธรรมราช เรียบร้อยแล้ว โดย กกต.นครศรีธรรมราช ได้รับรองการรายงานผลคะแนนส่งไปยัง กกต.กลาง เพื่อพิจารณา ซึ่งคนละส่วนกับเรื่องของการร้องเรียนโดยการร้องนั้นทราบว่ามีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน โดยจะดำเนินการควบคู่กันไป เนื่องจากประกาศ คปค.ได้กำหนดไว้ว่าต้องรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 30 วัน ดังนั้น ในกรอบนี้ กกต.ต้องพิจารณารับรองไปก่อนในส่วนของเรื่องร้องเรียนนั้นจะพิจารณาผลอย่างไรจะยื่นให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้มีวินิจฉัย