ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เทศบาลตำบลกะรนนำสื่อมวลชนตรวจสอบชายหาดกะรน หลังถูกสื่อเยอรมันนำเสนอข่าวน้ำทะเลเน่าเสีย ไม่ปรากฎน้ำเน่าเสียนักท่องเที่ยวยังเล่นน้ำตามปกติ ขณะที่เทศบาลกะรนเติมสร้างบ่อบำบัดเฟสสองในปี 2556 รองรับน้ำเสียได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายทวี ทองแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน นายวีระศักดิ์ อเนกวงศ์สวัสดิ์ ปลัดเทศบาลตำบลกะรน นายวันชัย แซ่ตัน ผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลตำบลกะรน ตัวแทนบริษัท เซ้าเทิร์นไทย คอนซัลติ้ง จำกัด นำคณะสื่อมวลชนตรวจพื้นที่บริเวณชายหาดกะรน ซึ่งถูกระบุว่ามีการปล่อยน้ำเสียลงทะเล และตรวจสอบระบบระบายน้ำ ระบบรวบรวม และบำบัดน้ำเสียเทศบาลตำบลกะรน จากกรณีที่สำนักข่าวในประเทศได้นำเสนอข่าวว่า มีผู้ประกอบการโรงแรมบริเวณหาดกะตะ หาดกะรน ลักลอบปล่อยน้ำเสียลงทะเล ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
จากการลงพื้นที่พบว่าบริเวณชายหาดกะตะกะรน ยังคงมีนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตามปกติ และสภาพน้ำทะเลโดยทั่วไปไม่ปรากฏลักษณะน้ำเสียไหลลงทะเลแต่อย่างใด
นายทวี ทองบแช่ม นายกเทศมนตรีตำบลกะรน กล่าวว่า ภาพน้ำเสียลงทะเลที่สื่อมวลชนเยอรมันบันทึกได้นั้น เป็นช่วงที่ระบบบำบัดน้ำเสียมีปัญหาเนื่องจากกระแสไฟฟ้าขัดข้องทำให้ไม่สามารถสูบน้ำเข้าระบบได้ จึงเอ่อล้นและไหลลงทะเล ซึ่งขณะนี้ทางเทศบาลฯได้แก้ปัญหาด้วยติดต่อเครื่องสำรองไฟเพื่อให้ระบบทำงานได้ตลอดเวลา และในส่วนของผู้ประกอบการตามชายหาดก็ได้แจ้งข่าวให้ทราบตลอดหากมีอะไรที่ผิดปกติ เพราะจะกระทบกับเขาโดยตรง
อย่างไรก็ตาม จากการเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบคุณภาพน้ำของสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน พบว่าคุณภาพน้ำบริเวณชายหาดกะตะและชายหาดกะรนมีความสะอาด 100% ซึ่งจะมีการเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบทุก 3 เดือน จึงขอให้นักท่องเที่ยวอย่ากังวลและลงเล่นน้ำได้ตามปกติ
นายทวี กล่าวด้วยว่า สำหรับเทศบาลตำบลกะรนได้มีการจัดทำระบบระบายน้ำ ระบบรวบรวม และบำบัดน้ำเสีย เป็นระบบแบบลานกรองจุลินทรีย์ ร่วมกับระบบตะกอนเร่ง ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2544 ประกอบด้วย อาคารดักน้ำเสีย 9 แห่ง สถานีสูบน้ำเสีย 5 แห่ง ท่อดักน้ำเสีย และบ่อพักน้ำเสียในบริเวณถนนกะตะน้อย ถนนกะรน ถนนเกศขวัญ ถนนหลวงพ่อฉ้วนและทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4233 สามารถรองรับน้ำเสียได้วันละ 6,000 ลูกบาศก์เมตร ครอบคลุมประมาณ 70% ของพื้นที่เทศบาลตำบลกะรน
ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในเฟสที่ 2 ซึ่งรองรับปริมาณน้ำเสียได้ประมาณ 4,000 ลูกบาศก์เมตร คาดว่าจะดำเนินการได้ประมาณปี 2556 ใช้งบประมาณ 132 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้นมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และในบางช่วงก็เกินขีดความสามารถของระบบบำบัดที่มีอยู่ในขณะนี้
