นราธิวาส - “กอ.รมน.นราฯ” เรียกนักข่าวถกเครียด เตรียมพร้อมเลือกตั้ง 3 ก.ค.นี้ ย้ำเหตุป่วนใต้และการเมืองต้องไม่ถูกปั่นจนบานปลาย
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ห้องประชุมสวนอาหารริมน้ำ อ.เมือง จ.นราธิวาส พ.อ.สาคร อินทโส หัวหน้าฝ่ายการข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จ.นราธิวาส ได้รับมอบหมายจากนายธนน เวชกรกานนท์ ผวจ.นราธิวาส ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จ.นราธิวาส ให้เรียกประชุมสื่อมวลชนทุกแขนงในพื้นที่ จ.นราธิวาส ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ รวมกว่า 30 คน เพื่อทำความเข้าใจและขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 3 ก.ค.2554 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ
พื้นที่ 3 จชต. คือ นราธิวาส ปัตตานีและยะลา เป็นพื้นที่พิเศษที่สถานการณ์ความไม่สงบยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตราพระราชกฤษฎีกายุบสภา และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 10 พ.ค.2554 เป็นผลให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศในวันที่ 3 ก.ค.2554 นั้น ทำให้ขณะนี้หลายฝ่ายมองว่า ประเด็นความร้อนแรงไม่ใช่เฉพาะสถานการณ์ความไม่สงบเท่านั้น แต่เรื่องการเมืองก็จัดว่าเป็นอีกประเด็นที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่มีหน้าที่ในการนำเสนอข่าว
ทั้งนี้ พ.อ.สาคร หน.ฝ่ายการข่าว กอ.รมน.จ.นราธิวาส ย้ำว่า ขอให้สื่อทุกสังกัดที่ต้องทำหน้าที่ของแต่ละคนในการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม ต่อไปนี้ให้ใช้ความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆ ขึ้นในพื้นที่ก็ไม่สามารถชี้ชัดได้ทันทีว่าเป็นสถานการณ์ความไม่สงบรายวัน หรือความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งหากสื่อนำเสนอผิดประเด็นจะทำให้เกิดปัญหาบานปลายได้ สื่อเองต้องทำหน้าที่เคียงคู่ไปกับเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ เพราะฉะนั้นผลของการตรวจสอบและสอบสวนของเจ้าหน้าที่ถือว่าจะเป็นสิ่งบ่งชัดได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน ในส่วนของการเตรียมความพร้อมรับมือการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 4 เขตของ จ.นราธิวาส นอกเหนือจากบทบาทหลักคือ กกต.จ.นราธิวาสแล้ว ทาง กอ.รมน.จ.นราธิวาส โดยนายธนน เวชกรกานนท์ ผวจ.นราธิวาส ได้มีการวางกรอบและนโยบายในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กองกำลัง ตลอดจนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้อย่างรัดกุมแต่เนิ่นๆ ทั้งแผนการ รปภ.ผู้ลงสมัคร ส.ส.หากมีการร้องขอ ตลอดจนถึงช่วงของการหาเสียงในแต่ละพื้นที่ และการเดินทางไปลงคะแนนเสียงของประชาชนในวันเลือกตั้ง ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในศักยภาพของเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ห้องประชุมสวนอาหารริมน้ำ อ.เมือง จ.นราธิวาส พ.อ.สาคร อินทโส หัวหน้าฝ่ายการข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จ.นราธิวาส ได้รับมอบหมายจากนายธนน เวชกรกานนท์ ผวจ.นราธิวาส ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จ.นราธิวาส ให้เรียกประชุมสื่อมวลชนทุกแขนงในพื้นที่ จ.นราธิวาส ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ รวมกว่า 30 คน เพื่อทำความเข้าใจและขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 3 ก.ค.2554 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ
พื้นที่ 3 จชต. คือ นราธิวาส ปัตตานีและยะลา เป็นพื้นที่พิเศษที่สถานการณ์ความไม่สงบยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตราพระราชกฤษฎีกายุบสภา และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 10 พ.ค.2554 เป็นผลให้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศในวันที่ 3 ก.ค.2554 นั้น ทำให้ขณะนี้หลายฝ่ายมองว่า ประเด็นความร้อนแรงไม่ใช่เฉพาะสถานการณ์ความไม่สงบเท่านั้น แต่เรื่องการเมืองก็จัดว่าเป็นอีกประเด็นที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่มีหน้าที่ในการนำเสนอข่าว
ทั้งนี้ พ.อ.สาคร หน.ฝ่ายการข่าว กอ.รมน.จ.นราธิวาส ย้ำว่า ขอให้สื่อทุกสังกัดที่ต้องทำหน้าที่ของแต่ละคนในการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม ต่อไปนี้ให้ใช้ความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆ ขึ้นในพื้นที่ก็ไม่สามารถชี้ชัดได้ทันทีว่าเป็นสถานการณ์ความไม่สงบรายวัน หรือความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งหากสื่อนำเสนอผิดประเด็นจะทำให้เกิดปัญหาบานปลายได้ สื่อเองต้องทำหน้าที่เคียงคู่ไปกับเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ เพราะฉะนั้นผลของการตรวจสอบและสอบสวนของเจ้าหน้าที่ถือว่าจะเป็นสิ่งบ่งชัดได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน ในส่วนของการเตรียมความพร้อมรับมือการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 4 เขตของ จ.นราธิวาส นอกเหนือจากบทบาทหลักคือ กกต.จ.นราธิวาสแล้ว ทาง กอ.รมน.จ.นราธิวาส โดยนายธนน เวชกรกานนท์ ผวจ.นราธิวาส ได้มีการวางกรอบและนโยบายในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กองกำลัง ตลอดจนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้อย่างรัดกุมแต่เนิ่นๆ ทั้งแผนการ รปภ.ผู้ลงสมัคร ส.ส.หากมีการร้องขอ ตลอดจนถึงช่วงของการหาเสียงในแต่ละพื้นที่ และการเดินทางไปลงคะแนนเสียงของประชาชนในวันเลือกตั้ง ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในศักยภาพของเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย
