ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ญาติหลวงตาชม พระดังที่มรณภาพปริศนาภายในรถเบนซ์ส่วนตัว ซึ่งเชื่อว่าหลวงตาชมถูกฆาตกรรม ออกมาเผยเบื้องหลังประเด็นถูกหวยมาเลเซีย ระบุ ทั้งทีมถูกหวยรวมกัน 270 ล้าน หลวงตาได้ส่วนแบ่ง 10 ล้าน ก่อนพบกลายเป็นศพโทร.หาเจ้ามือหวย เร่งให้โอนเงินเข้าบัญชี จี้ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีก่อนเผาศพ
ความคืบหน้าคดี พระชม ชววทฺโฒ (ชะวะวัดโท) อายุ 62 ปี หรือ หลวงตาชม พระลูกวัด วัดพุทธิการาม หรือ วัดปลักกริมสระน้ำ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นพระดังที่มีลูกศิษย์มากมายทั้งชาวไทย และชาวมาเลเซีย มรณภาพปริศนาภายในรถเบนซ์ส่วนตัว ซึ่งจอดอยู่หน้ากุฏิ และพบศพเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม และจนถึงขณะนี้สาเหตุการเสียชีวิตของหลวงตาชม ยังเป็นที่สงสัยของญาติและลูกศิษย์ เนื่องจากพบพิรุธหลายอย่าง และเชื่อว่า ถูกฆาตกรรมจากประเด็นเรื่องถูกหวยมาเลเซียกว่า 10 ล้าน ขณะที่ตำรวจยังรอผลการผ่าพิสูจน์ศพของผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ล่าสุด ในวันนี้ (18 พ.ค.) ที่วัดมหัตตมังคลาราม หรือ วัดหาดใหญ่ใน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพหลวงตาชม ญาติพี่น้องของหลวงตาชมได้ร่วมกันออกมาเปิดเผยเบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องที่หลวงตาชมถูกหวยมาเลเซียเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท และญาติเชื่อว่าเป็นชนวนเหตุให้ถูกฆาตกรรม
นายสังเวียน ศรีเหลือ อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของหลวงตาชม และเป็นคนสุดท้ายที่ได้ไปพบ และคุยกับหลวงชมที่กุฏิหนึ่งวัน ก่อนที่จะขาดการติดต่อ ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า ประเด็นเรื่องหลวงตาชมถูกหวยมาเลเซียจำนวน 10 ล้านบาทนั้น เป็นเรื่องจริง โดยเป็นงวดประจำวันที่ 7 พ.ค.54 ถูกรางวัลที่ 1 หมายเลข 7999
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ตนได้ไปหาหลวงตาชมที่กุฏิ และหลวงตาชมได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ว่า ยอดเงินรางวัลที่ได้จากการถูกหวยทั้งหมดมีจำนวน 270 ล้านบาท ซึ่งหลวงตาชมกับลูกศิษย์ชาวมาเลเซียอีก 4 คน ได้ลงขันกันซื้อ แต่ที่เป็นเงินส่วนแบ่งของหลวงตาชมนั้นจำนวน 10 ล้านบาท และในวันดังกล่าวตนได้ยินหลวงตาชมคุยกับเจ้ามือหวยมาเลเซีย ใน อ.หาดใหญ่ ชื่อหมวย ทางโทรศัพท์ เพื่อเร่งให้เงินเข้าบัญชี โดยให้เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาหาดใหญ่ ในจำนวน 3.4 ล้าน ส่วนเงินที่เหลือให้โอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ
หลังการพูดคุยกับเจ้ามือหวย ตนยังเตือนหลวงตาชม ว่า ให้ระวังตัวด้วย เพราะเป็นเงินจำนวนมาก อาจมีคนคิดไม่ซื่อทำร้ายได้ เพื่อยักยอกเงินทั้งหมดเอาไว้ ซึ่งหลวงตาชมมั่นใจว่าคงไม่มีใครหักหลัง แต่ปรากฏว่า หลังจากนั้น ในวันรุ่งขึ้นตนได้โทร.ไปหาหลวงตาชม แต่ก็ไม่รับสาย และเมื่อเดินทางไปหาที่กุฏิ ก็พบรถเบนซ์จอดอยู่หน้ากุฏิและคลุมผ้ามิดชิดรวม ทั้งประตูกุฏิยังถูกล็อก ซึ่งตนคิดว่า หลวงตาชมอาจจะเดินทางไปต่างจังหวัดหลังได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งมาทราบว่าพบกลายเป็นศพอยู่ภายในรถเบนซ์ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา
นายสังเวียน กล่าวว่า จากการตรวจสอบทรัพย์สินที่อยู่ในกุฏิ พบว่า สมุดบัญชีธนาคารกรุงเทพ และเอกสารโฉนดที่ดิน 1 แปลง ที่หลวงตาซื้อไว้ได้หายไป ส่วนสมุดธนาคารกสิกรไทย ยังมีอยู่ แต่ไม่มียอดเงินโอนเข้ามาเพิ่ม คงเหลือเงินในบัญชีอยู่ 850,257.65 บาท ซึ่งได้มอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว พร้อมกับแจ้งอายัดไว้
นายสังเวียน ระบุว่า ก่อนหน้านี้ หลวงตาชม เคยถูกหวยมาเลเซียมาแล้ว 2 งวดติดต่อกัน และซื้อกับเจ้ามือชื่อหมวย ที่สนิทสนมกัน โดยครั้งแรกถูกรางวัลได้เงินมาจำนวน 600,000 บาท มีการโอนเงินเข้าบัญชีเรียบร้อย และได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้อที่ดิน 1 ไร่ครึ่ง บริเวณย่านชุมชนบางหัก ถนนสาครมงคล อ.หาดใหญ่ ครั้งที่ 2 ถูกหวยมาเลเซียได้เงินมาจำนวน 150,000 บาท มีการโอนเงินเข้าบัญชีทางธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารกรุงเทพ เช่นกัน และล่าสุด ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม หลวงตาชม และลูกศิษย์ชาวมาเลเซียได้หุ้นกันซื้อหวยมาเลเซียหมายเลข 7999 ซึ่งเป็นรางวัลที่ 1 ปรากฏว่า โชคดีถูกหวยอีกครั้งได้เงินรวมกันมหาศาลจำนวน 270 ล้าน กระทั่งมาจบชีวิต ซึ่งญาติๆ ต่างเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมเพื่อหวังยักยอกเงิน 10 ล้านบาทของหลวงตาชม
จึงอยากให้ตำรวจเร่งสืบสวนคลี่คลายคดีนี้โดยเร็วที่สุด และนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกระทำผิดมาสอบสวนดำเนินคดี และหากจับตัวคนร้ายได้ให้นำตัวมาขอขมาต่อหน้าศพหลวงตา ทั้งนี้ญาติๆ กำลังปรึกษากัน ว่า จะเก็บศพหลวงตาไว้ก่อนหรือไม่ เพราะกลัวหากมีการประชุมเพลิงตามกำหนดการเดิมในวันที่ 19 พ.ค.นี้ เรื่องอาจจะเงียบหายไป
ด้าน พ.ต.อ จิระวัฒน์ พยุงธรรม ผกก.สภ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ตำรวจกำลังเร่งประชุมชุดสืบสวนเพื่อหาประเด็นสำคัญ และบุคคลที่เป็นตัวละครที่น่าจะเกี่ยวข้องทางคดี ส่วนเรื่องที่ญาติของหลวงตาชม มั่นใจว่า เป็นการฆาตกรรมนั้น ก็เป็นสิทธิของญาติ แต่ตามขั้นตอนกฎหมายตำรวจต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านนิติเวชโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ก่อน หากได้ผลการตรวจพิสูจน์ออกมาอย่างไร ตำรวจก็พร้อมที่จะดำเนินการตามกระบวนของกฎหมายต่อไป