ยะลา - ทหารไทย-มาเลเซีย ย้ำความสัมพันธ์ ออกลาดตระเวนร่วมตามแนวชายแดน ป้องการการลักลอบเข้าประเทศ ขนของหนีภาษี และยาเสพติด กระชับความสัมพันธ์ 2 ประเทศโดยเฉพาะความร่วมมือด้านการข่าวความมั่นคงในพื้นที่ตะเข็บชายแดน
เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 445 อ.เบตง จ.ยะลา พ.ท.วิรัช วทัญญู หน.ผปชด.ฉก.ยะลา และพ.ต.ท.เชษฐ์วิทย์ นีระฮิง ผบ.ร้อย ตชด.445 เบตงร่วมรับฟังแผนการปฏิบัติการลาดตระเวนภาคพื้นดินพื้นที่แนวชายแดนของทั้งสองประเทศ บริเวณตั้งแต่หลักเขตแดนที่ 50/10 บ้านจาเราะไอยัง อ.เบตง ถึงบริเวณหลักเขตแดนที่ 54/217 บ้านซาโห่ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งการออกลาดตระเวนครั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการเดินทางไปมาหาสู่ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
พ.ท.วิรัช วทัญญู หน.ผปชด. ฉก.ยะลา กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย มีแนวพรมแดนติดต่อกันยาวประมาณ 647 กิโลเมตร ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงระดับท้องถิ่น ประชาชนทั้งสองประเทศ มีการเดินทางไปมาหาสู่กัน ตามช่องทางทั้งที่ถูกต้อง และไม่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่เป็นประจำ
ซึ่งแนวพรมแดนทั้งสองประเทศมีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบ ป่าเขาสูง และภูเขาสูงต่ำสลับกัน ทำให้เกิดปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศอันได้แก่ การหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การลักลอบขนสินค้าหลบหนีภาษี การค้ายาเสพติดข้ามชาติ การลักลอบตัดไม้ทำลายป่าตามแนวพรมแดน รวมทั้งปัญหาหลักเขตแดนชำรุดสูญหายโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกันในการขจัดเงื่อนไขและปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อขอความร่วมมือในการประสานงานในด้านต่างๆ ก็จะได้รับความร่วมมือและให้การสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาโดยตลอด
ด้าน พ.ต.ท.เชษฐ์วิทย์ นีระฮิง ผบ.ร้อย ตชด.445 เบตง กล่าวว่า การลาดตระเวนร่วมตามแนวชายแดน ไทย-มาเลเซีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 23 ของการลาดตระเวนร่วมในรอบ 12 ปี ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2542 โดยใช้ระยะเวลาออกปฏิบัติการ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ถึงวันที่ 26 พ.ค.ซึ่งการดำเนินการของทั้งสองประเทศแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มิได้ส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของประเทศไทย และประเทศมาเลเซียแต่อย่างใด
ซึ่งการลาดตระเวนร่วมในครั้งนี้ได้มีการปฏิบัติร่วมกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศโดยเฉพาะความร่วมมือในการประสานงานด้านการข่าวความมั่นคงในพื้นที่ตะเข็บชายแดนซึ่งที่ผ่านมาทางการไทยได้ รับความร่วมมือ และสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในทุกด้านที่มีการร้องขอมาด้วยดีตลอด
เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 445 อ.เบตง จ.ยะลา พ.ท.วิรัช วทัญญู หน.ผปชด.ฉก.ยะลา และพ.ต.ท.เชษฐ์วิทย์ นีระฮิง ผบ.ร้อย ตชด.445 เบตงร่วมรับฟังแผนการปฏิบัติการลาดตระเวนภาคพื้นดินพื้นที่แนวชายแดนของทั้งสองประเทศ บริเวณตั้งแต่หลักเขตแดนที่ 50/10 บ้านจาเราะไอยัง อ.เบตง ถึงบริเวณหลักเขตแดนที่ 54/217 บ้านซาโห่ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งการออกลาดตระเวนครั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการเดินทางไปมาหาสู่ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
พ.ท.วิรัช วทัญญู หน.ผปชด. ฉก.ยะลา กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย มีแนวพรมแดนติดต่อกันยาวประมาณ 647 กิโลเมตร ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงระดับท้องถิ่น ประชาชนทั้งสองประเทศ มีการเดินทางไปมาหาสู่กัน ตามช่องทางทั้งที่ถูกต้อง และไม่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่เป็นประจำ
ซึ่งแนวพรมแดนทั้งสองประเทศมีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบ ป่าเขาสูง และภูเขาสูงต่ำสลับกัน ทำให้เกิดปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศอันได้แก่ การหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การลักลอบขนสินค้าหลบหนีภาษี การค้ายาเสพติดข้ามชาติ การลักลอบตัดไม้ทำลายป่าตามแนวพรมแดน รวมทั้งปัญหาหลักเขตแดนชำรุดสูญหายโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกันในการขจัดเงื่อนไขและปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อขอความร่วมมือในการประสานงานในด้านต่างๆ ก็จะได้รับความร่วมมือและให้การสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาโดยตลอด
ด้าน พ.ต.ท.เชษฐ์วิทย์ นีระฮิง ผบ.ร้อย ตชด.445 เบตง กล่าวว่า การลาดตระเวนร่วมตามแนวชายแดน ไทย-มาเลเซีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 23 ของการลาดตระเวนร่วมในรอบ 12 ปี ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2542 โดยใช้ระยะเวลาออกปฏิบัติการ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ถึงวันที่ 26 พ.ค.ซึ่งการดำเนินการของทั้งสองประเทศแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มิได้ส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของประเทศไทย และประเทศมาเลเซียแต่อย่างใด
ซึ่งการลาดตระเวนร่วมในครั้งนี้ได้มีการปฏิบัติร่วมกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศโดยเฉพาะความร่วมมือในการประสานงานด้านการข่าวความมั่นคงในพื้นที่ตะเข็บชายแดนซึ่งที่ผ่านมาทางการไทยได้ รับความร่วมมือ และสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในทุกด้านที่มีการร้องขอมาด้วยดีตลอด