นครศรีธรรมราช - แม่เฒ่าวัย 85 ปีซึ้งทหารช่างรักษาพระองค์สร้างบ้านใหม่ให้ หลังบ้านถูกน้ำท่วมพังเสียหายทั้งหลัง พร้อมมอบพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แขวนไว้บนผนังบ้านกลังใหม่
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่ ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 10.00 น.นางเฟื่อง โสดา อายุ 85 ปี และนางจารณี โสดา อายุ 45 ปี บุตรสาวอยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ที่ 8 ตำบลถ้ำพรรณรา อำเภอถ้ำพรรณรา นครศรีธรรมราช ได้รับมอบบ้านหลังใหม่จากกองพันทหารช่างที่ 2 รักษาพระองค์ ได้ปลูกสร้างให้ใหม่หลังจากที่บ้านหลังเก่าของนางเฟื่องที่ถูกกระแสน้ำพัดพังทั้งหลังช่วงภัยพิบัติเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยนางเฟื่อง ร่ำไห้ด้วยความปลาบปลื้มอย่างที่สุด ขณะกำลังนำพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่กองพันทหารช่างที่2รักษาพระองค์ได้มอบให้พร้อมกับไปแขวนไว้บนผนังบ้านกลังใหม่
พ.ท. จีรพจน์ สุภธีรา ผู้บังคับกองพันทหารช่างที่ 2 รักษาพระองค์ ผู้แทนผู้บัญชาการกองพันทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ เปิดเผยว่า ได้นำกำลังพลกว่า 10นาย มาสร้างบ้านใหม่ใช้งบประมาณกว่า 200,000 บาท ให้นางเฟื่องและบุตรสาว
หลังจากที่นางเฟื่องและบุตรสาวทราบว่าทหารที่มาสร้างบ้านให้เป็นทหารรักษารักษาพระองค์ ก็สร้างความปลาบปลื้มเป็นที่สุด ถึงกับร่ำให้โดยบอกว่าเป็นทหารของในหลวงไม่คิดว่าพระองค์ท่านจะห่วงใยและดูแลประชาชน แม้ความเดือดร้อนของชาวบ้านที่อยู่ในเขตชนบทห่างไกล
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าภายหลังนางเฟื่องได้กล่าวหลังจากนิ่งอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนแสดงความขอบคุณทหารทุกคนที่มาสร้างบ้านให้ พ.ท.จีรพจน์ จึงถามว่าอยากทูลฝากอะไรให้ในหลวงบ้าง นางเฟื่องกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอเบ้าว่า รักในหลวงที่สุด อยากให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว ทุกครั้งที่เห็นในหลวงปรากฏในโทรทัศน์ก็อดร้องให้ไม่ได้ สงสารพระองค์ อยากให้ในหลวงอยู่กับประชาชนของท่านตราบนานเท่านาน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีฝนตกหนักตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในหลายพื้นที่ทั่วทุกจังหวัดในภาคใต้ ทำให้บ้านเรือนเสียหายทรัพย์สินและผลิตผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง เกิดการพังของภูเขาลงมาปิดเส้นทางทับบ้านเรือนประชาชนในอ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช มี 3 ตำบล คือ ต.ถ้ำพรรณรา ต.ดุสิต ต.คลอง มีถนนและสะพานขาดหลายจุดและที่สำคัญมีบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียจำนวน 3 หลังคือ ของนายสุนทร สมแสง บ้านเลขที่ 118 หมู่ที่ 4 ตำบลคลองเส และบ้านของนายภิญโญ ทองเจริญ บ้านเลขที่ 31 หมู่ที่ 8 ตำบลถ้ำพรรณรา โดยเฉพาะบ้านของนางเฟื่องซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำตาปี ถูกกระแสน้ำพัดจนหายไปกับสายน้ำ
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่ ต.ถ้ำพรรณรา อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 10.00 น.นางเฟื่อง โสดา อายุ 85 ปี และนางจารณี โสดา อายุ 45 ปี บุตรสาวอยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ที่ 8 ตำบลถ้ำพรรณรา อำเภอถ้ำพรรณรา นครศรีธรรมราช ได้รับมอบบ้านหลังใหม่จากกองพันทหารช่างที่ 2 รักษาพระองค์ ได้ปลูกสร้างให้ใหม่หลังจากที่บ้านหลังเก่าของนางเฟื่องที่ถูกกระแสน้ำพัดพังทั้งหลังช่วงภัยพิบัติเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยนางเฟื่อง ร่ำไห้ด้วยความปลาบปลื้มอย่างที่สุด ขณะกำลังนำพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่กองพันทหารช่างที่2รักษาพระองค์ได้มอบให้พร้อมกับไปแขวนไว้บนผนังบ้านกลังใหม่
พ.ท. จีรพจน์ สุภธีรา ผู้บังคับกองพันทหารช่างที่ 2 รักษาพระองค์ ผู้แทนผู้บัญชาการกองพันทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ เปิดเผยว่า ได้นำกำลังพลกว่า 10นาย มาสร้างบ้านใหม่ใช้งบประมาณกว่า 200,000 บาท ให้นางเฟื่องและบุตรสาว
หลังจากที่นางเฟื่องและบุตรสาวทราบว่าทหารที่มาสร้างบ้านให้เป็นทหารรักษารักษาพระองค์ ก็สร้างความปลาบปลื้มเป็นที่สุด ถึงกับร่ำให้โดยบอกว่าเป็นทหารของในหลวงไม่คิดว่าพระองค์ท่านจะห่วงใยและดูแลประชาชน แม้ความเดือดร้อนของชาวบ้านที่อยู่ในเขตชนบทห่างไกล
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าภายหลังนางเฟื่องได้กล่าวหลังจากนิ่งอึ้งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนแสดงความขอบคุณทหารทุกคนที่มาสร้างบ้านให้ พ.ท.จีรพจน์ จึงถามว่าอยากทูลฝากอะไรให้ในหลวงบ้าง นางเฟื่องกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอเบ้าว่า รักในหลวงที่สุด อยากให้พระองค์หายประชวรโดยเร็ว ทุกครั้งที่เห็นในหลวงปรากฏในโทรทัศน์ก็อดร้องให้ไม่ได้ สงสารพระองค์ อยากให้ในหลวงอยู่กับประชาชนของท่านตราบนานเท่านาน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีฝนตกหนักตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในหลายพื้นที่ทั่วทุกจังหวัดในภาคใต้ ทำให้บ้านเรือนเสียหายทรัพย์สินและผลิตผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง เกิดการพังของภูเขาลงมาปิดเส้นทางทับบ้านเรือนประชาชนในอ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช มี 3 ตำบล คือ ต.ถ้ำพรรณรา ต.ดุสิต ต.คลอง มีถนนและสะพานขาดหลายจุดและที่สำคัญมีบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียจำนวน 3 หลังคือ ของนายสุนทร สมแสง บ้านเลขที่ 118 หมู่ที่ 4 ตำบลคลองเส และบ้านของนายภิญโญ ทองเจริญ บ้านเลขที่ 31 หมู่ที่ 8 ตำบลถ้ำพรรณรา โดยเฉพาะบ้านของนางเฟื่องซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำตาปี ถูกกระแสน้ำพัดจนหายไปกับสายน้ำ