ยะลา - รองผบ.ตร.ลงพื้นที่ยะลา เร่งติดตามคดีเหตุความสงบที่สำคัญในพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามควบคุมเหตุแม้ว่าคนร้ายจะอาศัยจังหวะก่อเหตุรุนแรงในรูปแบบต่างๆ กัน เผยที่สามารถจับกุมคนร้ายได้นั้นได้มีการขยายผลต่อ และเปิดอบรมหลักสูตรผู้นำหน่วยของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้
วันนี้ (20 เม.ย.) เวลา 11.30 น.ที่ห้องประชุมยะลารวมใจ ชั้น 2 อาคารศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ถ.สุขยางค์ อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร.(ปป 4) เป็นประธานในพิธีเปิดอบรมหลักสูตรผู้นำหน่วยของ (ระดับรองสารวัตร) ที่ทำหน้าที่พนักงานสอบสวน (สบ1) ซึ่งได้รับการบรรจุแต่งตั้งเพื่อมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 48 นาย เพื่อให้ได้รับรู้ถึงนโยบาย แนวทางในการปฏิบัติงาน รวมทั้งทักษะทางยุทธวิธีเป็นหลักสำคัญอย่างยิ่งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมี พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และข้าราชการตำรวจในระดับสูงร่วมให้การต้อนรับ
สำหรับในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นเป็นพื้นที่พิเศษ การปฏิบัติหน้าที่จึงต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจถึงขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิม ซึ่งสอดคล้องตามหลักแนวคิดนโยบายพระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร.(ปป 4) เปิดเผยว่า ผู้ผ่านการฝึกอบรมในครั้งนี้จะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งแก่การปฏิบัติหน้าที่ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายลงสู่ระดับปฏิบัติการ และจะทำให้การปฏิบัติงาน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งตนก็หวังว่า ข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา อันจะนำไปสู่ความสันติสุขของประชาชนในพื้นที่ต่อไป
สำหรับคดีระเบิดที่ตลาดนัดนิคมเทพ อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ทางตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาสามารถออกหมาย พ.ร.ก.และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ จำนวน 7 คน ซึ่งในขั้นต้นก็ให้การสารภาพ สามารถทราบเครือข่ายกลุ่มที่ก่อเหตุด้วย สำหรับภาพรวมของตัวเลขการเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ ตนเองมองว่ายังสามารถควบคุมได้ ส่วนกลุ่มคนร้ายมีการปฏิบัติการเป็นช่วง ๆ ในการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ ก็ถือว่าเป็นยุทธวิธีของกลุ่มคนร้าย ในการรวมผลเข้ามาก่อเหตุร้าย การก่อเหตุร้ายใหญ่ๆ เช่น การระเบิดคาร์บอมบ์ ก็จะมีเป็นช่วงๆ ซึ่งก็พอรู้เป้าหมายพอสมควรในการค้นหารถ รวมทั้งการเข้าตีจุดที่เป็นฐานที่มั่นของหน่วยกำลัง ซึ่งเมื่อวันก่อนก็เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ตากใบ แต่ตำรวจก็สามารถตอบโต้ได้ คนร้ายน่าจะเสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน
สำหรับมาตรการในการดูแลพื้นที่ในช่วงครบรอบ 7 ปี กรือเซะนั้น ตนเองมองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เป็นเรื่องที่ต้องคุมเกมอยู่แล้ว ก็ต้องมีการกำชับการปฏิบัติการต่อไป ซึ่งทุกๆ คดีที่เกิดขึ้นก็สามารถขยายผลได้ สำหรับผู้ก่อความไม่สงบที่ได้ประกันตัวออกไปนั้น ในกรณีของ จ.ยะลา ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย มีการติดตามอยู่ตลอด พร้อมทั้งตรวจสอบพฤติกรรม ในส่วนที่ว่าคนร้ายที่ประกันตัวออกไปจะกลับมาก็เหตุร้ายอีกครั้งหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็กำลังตามในส่วนนี้อยู่
ส่วนเหตุคาร์บอมบ์ในเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น น่าจะมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ก่อเหตุในพื้นที่ จ.นราธิวาส มีการประกอบระเบิดเหมือนกันและ เกี่ยวข้องกับกลุ่มผลประโยชน์ เช่น ยาเสพติด ของเถื่อน รวมทั้งน้ำมัน สำหรับภาคเอกชนจะให้มีการยกเลิกจุดปลอดภัย หรือ จุด SAFETY ZONE ย่านการค้าเขตเทศบาลนครยะลานั้น ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาก็สามารถควบคุมพื้นที่ได้ดี เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็หาวิธีการเพื่อที่จะให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประชาชนอาจจะเสียเวลานิดหน่อย แต่ก็สามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยได้ ซึ่งในช่วงหลังประชาชนในย่านการค้าก็ยอมรับมาตรการในส่วนนี้มากขึ้น ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นหลัก
พล.ต.อ.อดุลย์ ยังกล่าวต่อถึงอาการบาดเจ็บของอาสาสมัครทหารพรานได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 6 นายว่า ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ซึ่งส่วนใหญ่มีแผลเกิดจากไฟไหม้ ส่วนผู้ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ มีอยู่ 2 นาย คือ อาสาสมัครทหารพรานสาคร แสงสี แพทย์ต้องเย็บซ่อมตาซ้าย และอาสาสมัครทหารพราน ณรงค์ รัตนานันท์รัศมี แพทย์ต้องผ่าตัดเปิดกะโหลก เอาสะเก็ดระเบิดออก
