ล่าไอ้โม่งก่อเหตุ จยย.บอมม์ ส่งผลทหารพราน-ชาวสงขลาเจ็บนับสิบ

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – คนร้ายลอบก่อเหตุ จยย.บอมม์ บริเวณตลาดนัดนิคมเทพา จ.สงขลา ส่งผลทหารพรานและชาวบ้านนับ 10 รายได้รับบาดเจ็บ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างตามล่าตัวคนร้าย พร้อมทั้งเฝ้าระวังเหตุในพื้นที่ 4 อำเภอ


วันนี้ (2 เม.ย.) พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ นิตยวิมล ผกก.สภ.เทพา จ.สงขลา ได้รับแจ้งว่า มีเหตุระเบิดที่บริเวณตลาดนัดนิคมเทพา ใต้ต้นมะม่วงใกล้ปั้มน้ำมันหลอดแก้วอยู่ตรงข้ามร้านน้ำชาป้าเพย ม.3 ต.ท่าม่วง เยื้องกับที่ตั้งของหน่วยเฉพาะกิจสงขลา จึงนำกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด เข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ

โดยเมื่อตรวจสอบพบว่า เป็นระเบิดรถจักรยานยนต์บอมบ์ ซึ่งคนร้ายได้นำมาจอดไว้บริเวณใต้ต้นไม้หน้าร้านขายของชำ และจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ แรงระเบิดส่งผลให้รถที่วางระเบิดเสียหายทั้งคัน บ้านเรือนใกล้ที่เกิดเหตุเสียหายบางส่วน ทำให้ทหารพราน สังกัด ร้อย.ทพ.4216 กรม.ทพ.42 ที่ยืนรักษาความสงบอยู่ในบริเวณนั้น ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย พร้อมด้วยชาวบ้านอีก 4 คน ประกอบด้วย ส.ท.ธนากร เพชรชลธาร, อส.ทพ.สุริยา แก้วมณี, อส.ทพ.เอกพงศ์ คงเพชร, อส.ทพ.อนุสรณ์ ฉิมฉิน, อส.ทพ.ประยูร คงปรีพันธ์, อส.ทพ.สุชาติ ทับทิมดี, นายชัยวุฒิ ชูชีพ, นายจำลอง คงเดิม, นางรำเพย เทพี และนายเกษม แก้วมณี

ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีวัยรุ่นอายุประมาณ 18-20 ปี จำนวน 1 คน ขับรถจักรยานยนต์มาจอดไว้ใต้ต้นมะม่วงที่เกิดเหตุ แล้วรีบเดินออกจากที่จอดรถทันที เมื่อรถบรรทุกทหารพรานมาขับมาจอดที่บริเวณดังกล่าว เพื่อให้ทหารพรานที่ทำหน้าที่รักษาความเรียบร้อยตลาดนัดลงมาจากรถ จากนั้นคนร้ายที่แฝงตัวอยู่ในละแวกที่เกิดเหตุได้จุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ และได้เกิดระเบิดขึ้นในเวลาต่อมา ส่งผลให้ทหารพราน และชาวบ้านที่เดินมาซื้อสินค้าในตลาดนัด ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บรวม 10 ราย ดังกล่าว

โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือของแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบที่พยายามก่อเหตุ เพื่อขยายเขตความรุนแรงเข้ามาในพื้นที่อำเภอชายแดนของจังหวัดสงขลา ซึ่งตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนพยานแวดล้อม เพื่อหาเบาะแสของคนร้าย โดยหลังเกิดเหตุได้มีการสั่งการให้กองกำลังทุกชุดในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา ประกอบด้วย จะนะ เทพา นาทวี และ สะบ้าย้อย รวมทั้ง อ.หาดใหญ่ และ อ.เมืองสงขลา เฝ้าระวังพื้นที่เป็นกรณีพิเศษ และมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาอีกระลอก