ตำรวจ บช.ปส.ทำการล่อซื้อกัญชาอัดแท่งจากขบวนการค้ายาเสพติดที่ลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน จนสามารถรวบผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง ยึดของกลางกัญชา 199 กก.มูลค่า 1.2 ล้าน
วันนี้ (11 ก.ค.) เวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร ผบก.ปส.2 พ.ต.อ.สายัณห์ ปาลวัฒน์ ผกก.2 บก.ปส.2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.ปส.2 แถลงจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดข้ามชาติ 2 ราย โดยรายแรกมีผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วยนายชัยชนะ หรือเบนซ์ สารราช อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 424 หมู่ 1 ต.บึงกาฬ อ.เมือง จ.บึงกาฬ นายคมกริช หรือเด้ วิชัยโย อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 1 ต.หนองหัวช้าง อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ และนายสุริยะ หรือยะ ทมโยธา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 16 ต.คำตากล้า อ.คำตากล้า จ.สกลนคร พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง บรรจุในกระสอบใส่อาหารปลาของประเทศเวียดนามห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำ 6 กระสอบ จำนวน 199 แท่ง ยาบ้า 9 เม็ด โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 2 เครื่อง รถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า สีขาว 1 คัน และรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโซลูน่า สีเขียว 1 คัน สามารถจับกุมได้ที่พีพี รีสอร์ท เลขที่ 60 หมู่ 20 ถนนอุดรธานี-สกลนคร ต.โพนงาม อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ต่อเนื่องกับทรายทอง รีสอร์ท เลขที่ 125/1 ม.3 ถนนอุดรธานี-สกลนคร ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านบาท
พล.ต.ต.อาชวันต์เปิดเผยว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า มีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดชาวลาวและไทยจัดหาลูกค้าในประเทศไทยลักลอบลำเลียงกัญชาเข้ามาประเทศไทย จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนล่อซื้อกัญชา จำนวน 500 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 6,000 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 3 ล้านบาท ต่อมา เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 55 เวลาประมาณ 06.20 น. กลุ่มเครือข่ายพ่อค้ายาเสพติดแจ้งว่าสามารถจัดหากัญชาได้ประมาณ 200 กิโลกรัม และได้นัดพบที่ทรายทอง รีสอร์ท ห้องพักเลขที่ 14 จากนั้นผู้ต้องหาได้พาไปรับมอบกัญชาที่พีพี รีสอร์ท ขณะผู้ต้องหาร่วมกันขนกัญชาขึ้นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมกัญชาของกลาง และนำตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า จะนำรถเก๋งทั้งสองคันไปรับยามาจากริมชายแดนทางฝั่งลาวห่างจากจังหวัดอุดรธานี ประมาณ 40 กิโลเมตร โดยมีคนนำข้ามมาจากฝั่งลาววางไว้ให้ แต่ครั้งนี้มีรถขนกัญชามาส่งให้นายสุริยะ ที่บ้าน อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจล่อซื้อจับกุมตัวได้ โดยได้ค่าจ้างขนครั้งละ 10,000 บาท ส่วนใหญ่จะนำไปขายในจังหวัดอุดรแล้วกระจายต่อไปยังภาคใต้ จากการตรวจสอบประวัตินายสุริยะยังพบว่าเคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และแจ้งข้อหานายสุริยะเพิ่มเติม “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครองครองโดยผิดกฎหมาย” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน บช.ปส.2 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อีกราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาลักลอบขนยาบ้า จำนวน 2 ราย คือ นายมาน ยะมาในรุดิน อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 6 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และน.ส.กาญจนา ทับทิมดี อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/2 หมู่ 3 ต.ซับสมบูรณ์ อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 788 เม็ด รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีเหลือง ทะเบียน ฌห 2424 กรุงเทพฯ จำนวน 1 คัน พร้อมตรวจยึดเงินสด จำนวน 93,080 บาท สามารถจับกุมได้ที่ด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 55 เวลาประมาณ 11.30 น. เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”
