ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - แม้ข้อเรียกร้องจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่สมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ใต้ไม่ยอมอ่อนข้อกรมศาสนา แฉมีมาเฟียในกรมศาสนาหากินกับกิจการฮัจญ์
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่มัสยิดกลาง จ.สงขลา สมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ภาคใต้ ได้จัดเสวนาเรื่อง จริงหรือ ชำระเงิน 50,000 บาท อยู่ในบัญชีกรมศาสนา ชื่อจะอยู่ในโควต้าฮัจญ์ ปัญหากิจการฮัจญ์ไทย เกิดอย่างไร โดยมีตัวแทนผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ และผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เข้าร่วมประมาณ 300 คน โดยมีนายฮิบรอเหม อาดำ นายกสมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ภาคใต้ เป็นประธาน
นายฮิบรอเหม อาดำ นายกสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ภาคใต้ เปิดเผยว่า การที่กรมศาสนากำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องเงินประกันการเดินทางของผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์จำนวน 50,000 บาท และจะมีผู้ที่สามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ได้ราว 13,000 คนตามโควต้าเท่านั้น แต่ยอดผู้แจ้งความประสงค์ 19,000 คน คนอีกประมาณ 6,000 คนไม่มีสิทธิที่จะไป สมาคมฯ จึงมีมติให้ยกเลิกการออนไลน์รายชื่อผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์เข้ากรมศาสนาและจะดำเนินการเองทั้งหมด
“บอร์ดของกรมศาสนาบางคนพูดดูถูกเหยียดหยาม ย่ำยีผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ ทั้งๆ ที่ผู้ประกอบการมีจิตอาสาจะนำพาผู้ประกอบการฮัจญ์ และเป็นผู้ชี้นำกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาศาสนาอิสลาม ไม่เข้าใจหลักการของศาสนาอิสลาม”
นายฮิบรอเหม กล่าวต่อว่า ตนและตัวแทนสมาคมฯได้นำปัญหาที่เกิดขึ้น เข้าพบนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว แต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ซี 5 ซี 6 ในกรมศาสนาเป็นใหญ่เหมือนเดิม จึงเป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่ปล่อยให้คนในกรมศาสนาออกมาแสดงถึงธาตุแท้ให้ประจักษ์ว่า ไม่ให้ความสำคัญกับศาสนาและพิธีฮัจญ์ เพราะยังขวางการเดินทางของจุฬาราชมนตรีไปขอโควตาฮัจญ์ เพิ่มจาก 13,000 คนเป็น 19,000 คน จึงมองได้ว่า มีมาเฟียในกรมศาสนา
ทั้งนี้ เนื่องจากกรมศาสนาจะได้ประโยชน์จากการออนไลน์เงินเข้าไปไม่น้อย เมื่อปีที่แล้วเม็ดเงินอยู่ในกรมศาสนา 160 ล้านบาท ปีนี้เม็ดเงินที่กรมศาสนานอนกอดไม่น้อยกว่า 650 ล้านบาท ตนต้องการให้กรมศาสนาเอาผิดกับผู้ประกอบการที่ทำผิดระเบียบ แต่มาทำให้ผู้ประกอบการที่ดีๆเดือดร้อนด้วย มันไม่ถูกต้อง จึงขอให้ผู้ที่แจ้งความประสงค์ไปประกอบฮัจญ์ใจเย็นๆ มาพบกันอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 5 เม.ย.
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่มัสยิดกลาง จ.สงขลา สมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ภาคใต้ ได้จัดเสวนาเรื่อง จริงหรือ ชำระเงิน 50,000 บาท อยู่ในบัญชีกรมศาสนา ชื่อจะอยู่ในโควต้าฮัจญ์ ปัญหากิจการฮัจญ์ไทย เกิดอย่างไร โดยมีตัวแทนผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ และผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เข้าร่วมประมาณ 300 คน โดยมีนายฮิบรอเหม อาดำ นายกสมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ภาคใต้ เป็นประธาน
นายฮิบรอเหม อาดำ นายกสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ภาคใต้ เปิดเผยว่า การที่กรมศาสนากำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องเงินประกันการเดินทางของผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์จำนวน 50,000 บาท และจะมีผู้ที่สามารถเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ได้ราว 13,000 คนตามโควต้าเท่านั้น แต่ยอดผู้แจ้งความประสงค์ 19,000 คน คนอีกประมาณ 6,000 คนไม่มีสิทธิที่จะไป สมาคมฯ จึงมีมติให้ยกเลิกการออนไลน์รายชื่อผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์เข้ากรมศาสนาและจะดำเนินการเองทั้งหมด
“บอร์ดของกรมศาสนาบางคนพูดดูถูกเหยียดหยาม ย่ำยีผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ ทั้งๆ ที่ผู้ประกอบการมีจิตอาสาจะนำพาผู้ประกอบการฮัจญ์ และเป็นผู้ชี้นำกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาศาสนาอิสลาม ไม่เข้าใจหลักการของศาสนาอิสลาม”
นายฮิบรอเหม กล่าวต่อว่า ตนและตัวแทนสมาคมฯได้นำปัญหาที่เกิดขึ้น เข้าพบนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมแล้ว แต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ซี 5 ซี 6 ในกรมศาสนาเป็นใหญ่เหมือนเดิม จึงเป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่ปล่อยให้คนในกรมศาสนาออกมาแสดงถึงธาตุแท้ให้ประจักษ์ว่า ไม่ให้ความสำคัญกับศาสนาและพิธีฮัจญ์ เพราะยังขวางการเดินทางของจุฬาราชมนตรีไปขอโควตาฮัจญ์ เพิ่มจาก 13,000 คนเป็น 19,000 คน จึงมองได้ว่า มีมาเฟียในกรมศาสนา
ทั้งนี้ เนื่องจากกรมศาสนาจะได้ประโยชน์จากการออนไลน์เงินเข้าไปไม่น้อย เมื่อปีที่แล้วเม็ดเงินอยู่ในกรมศาสนา 160 ล้านบาท ปีนี้เม็ดเงินที่กรมศาสนานอนกอดไม่น้อยกว่า 650 ล้านบาท ตนต้องการให้กรมศาสนาเอาผิดกับผู้ประกอบการที่ทำผิดระเบียบ แต่มาทำให้ผู้ประกอบการที่ดีๆเดือดร้อนด้วย มันไม่ถูกต้อง จึงขอให้ผู้ที่แจ้งความประสงค์ไปประกอบฮัจญ์ใจเย็นๆ มาพบกันอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 5 เม.ย.
