ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ส.ผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ฯ เรียกร้อง รมว.วัฒนธรรมและจุฬาราชมนตรีเจรจาขอเพิ่มโควตาผู้แสวงบุญชาวไทยกับทางการซาอุดีอาระเบีย เพื่อแก้ปัญหาผู้แสวงบุญชาวไทยทั้งระบบ รอลุ้นศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวมติคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย เรียกเก็บเงินประกันการเดินทางจากผู้แสวงบุญ คนละ 50,000 บาท และเตรียมยื่นเรื่องคัดค้านไปยังกรมศาสนาเรื่องใช้ระบบออนไลน์ในการรับลงทะเบียนผู้แสวงบุญ
เมื่อเวลา 13.00น.วันนี้ (20 มี.ค.) ที่โรงแรมโฆษิต อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ภาคใต้ และภาคกลาง ซึ่งประกอบด้วยผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์จำนวน 98 บริษัท ร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางคลี่คลายปัญหาของผู้แสวงบุญชาวไทยที่ยังเกินโควตาที่ทางการซาอุดีอาระเบียกำหนด รวมทั้งปัญหากรณีการเรียกเก็บเงินประกันการเดินทางจากผู้แสวงบุญเข้ากรมศาสนาคนละ 50,000 บาท
นายอิบรอเหม อาดำ นายกสมาคมผู้ประกอบการกิจฮัจญ์ภาคใต้ เปิดเผยว่า แนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบและผู้แสวงบุญชาวไทย โดยเฉพาะเรื่องของจำนวนผู้แสวงบุญที่เกินโควตา รวมทั้งเรื่องของการเรียกเก็บเงินประกันการเดินทางจากผู้แสวงบุญคนละ 50,000 บาท ทางสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ภาคใต้และภาคกลาง เห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดและเรียกร้องให้เร่งดำเนินการ คือให้นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เดินทางไปเจรจาขอเพิ่มโควตาจำนวนผู้แสวงบุญชาวไทยกับทางซาอุดีอาระเบีย
ทั้งนี้ เพราะขณะนี้มีผู้ที่ประสงค์จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์จำนวน 21,269 คน แต่จะมีผู้ที่เดินทางได้จริงตามโควตาแค่ 13,000 คน ซึ่งจะเกิดปัญหาแน่นอน เพราะทุกคนจะต้องจ่ายเงินประกันการเดินทางคนละ 50,000 บาท แต่ไม่รู้ว่าจะอยู่ในโควตาที่ได้เดินทางหรือไม่ แม้จะมีการคืนเงินส่วนนี้ให้ในภายหลังก็ตาม ทางออกที่ดีที่สุดคือ ควรมีการเจรจากับทางการซาอุดีอาระเบีย เพื่อขอเพิ่มโควตาสัดส่วนคนไทยให้มากขึ้น และเมื่อได้ตัวเลขที่แน่นอนก็มาจัดสรรให้กับผู้ประกอบการแต่ละบริษัท ซึ่งทุกคนยินดีจ่ายเงินในส่วนนี้ เพราะจะได้เดินทางแน่นอน และไม่กลายเป็นปมปัญหาใหม่ที่จะทำให้ผู้ประกอบการทะเลาะกับผู้แสวงบุญในภายหลัง
“หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และจุฬาราชมนตรีเดินทางไปเจรจากับทางการซาอุดีอาระเบีย เชื่อว่าไทยจะได้สัดส่วนผู้แสวงบุญเพิ่มขึ้น เพราะขณะนี้ประเทศมุสลิมหลายประเทศเกิดปัญหาภายในจึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้แสวงบุญชาวไทย และเชื่อว่าเรื่องฮัจญ์จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียได้เป็นอย่างดี เพราะซาอุดิอารเบีย จะแยกระหว่างเรื่องการเมืองกับเรื่องศาสนาอย่างชัดเจน ซึ่งเราน่าจะใช้มิติทางวัฒนธรรมเข้าไปประสานรอยร้าวของทั้งสองประเทศไทย แต่รัฐบาลไทยจะต้องมีความจริงใจในการแก้ปัญหาเรื่องนี้จริง”
นายอิบรอเหมระบุอีกว่า หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาในเรื่องของการขอเพิ่มโควตาได้ ทางผู้ประกอบการฮัจญ์ก็จะรวบรวมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายมอบให้กับ นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เดินทางไปเจรจาเป็นการส่วนตัวกับซาอุดิอารเบียด้วยตัวเอง ซึ่งเชื่อว่าในฐานะที่จุฬาราชมนตรีเป็นผู้แทนฮัจญ์ทางการไทย น่าจะสามารถขอเพิ่มโควตาได้ ขณะเดียวกันต้องรอฟังคำสั่งศาลปกครองกลางว่าจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว มติคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยที่ เรียกเก็บเงินประกันการเดินทางจากผู้แสวงบุญ คนละ 50,000 บาทหรือไม่ ซึ่งหากศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวเรื่องนี้บอร์ดฮัจญ์กับผู้ประกอบการก็จะต้องมาเจรจาหาข้อตกลงกันใหม่
นอกจากนี้ยังมีประเด็นสำคัญที่ทางสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ภาคใต้และภาคกลาง จะยื่นหนังสือคัดค้านไปยังกรมศาสนา คือ เรื่องของการลงทะเบียนออนไลน์ผู้แสวงบุญเข้าไปในบัญชีของกรมศาสนาผ่านระบบอิเลคทรอนิคส์ของธนาคาร เพราะเชื่อว่าอาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ และจะเกิดความเสียหายกับผู้ประกอบการที่มีผู้ช่วยกันลงทะเบียนหลายคน
นายอิบรอเหม กล่าวว่า ปัญหาเรื่องฮัจย์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่ข้อเสนอแนะต่างๆ ของผู้ประกอบการหรือสมาคมฮัจญ์ไม่ได้รับการสนองตอบเลย เพราะทางกรมศาสนาในฐานะสำนักเลขานุการของเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยได้ชงเรื่องทั้งหมดเข้าไปในบอร์ดฮัจญ์เรียบร้อยแล้ว