ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - วงการฮัจญ์เดือด สมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ทั่วประเทศบอยคอตไม่เข้าร่วมประชุมกับกรมศาสนา พร้อมออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยกเลิกมติคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์เรื่องการเก็บเงินค้ำประกันการเดินทางคนละ 50,000 บาท และการห้ามสายการบินอื่นและผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์จัดเที่ยวบินขนส่งแบบเหมาลำ และให้ย้ายหัวหน้าฝ่ายกิจการศาสนาอิสลามฯกรมการศาสนาออกจากตำแหน่ง และเตรียมยื่นศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราว
วันนี้ (26 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่โรงแรมโฆษิต อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ภาคใต้และภาคกลาง นำโดย นายอิบรอเหม อาดำ นายกสมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ ภาคใต้ ร่วมกันออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีการยกเลิกมติคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยครั้งที่1/2554 เมื่อวันที่31 มกราคม 2554
โดยมีประเด็นสำคัญคือเรื่องของการเก็บเงินค้ำประกันการเดินทาง คนละ 50,000 บาท จากผู้แสวงบุญ เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้แสวงบุญทั้งประเทศ รวมทั้งในเรื่องของการห้ามสายการบินอื่นและผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์จัดเที่ยวบินขนส่งแบบเหมาลำ เพราะขัดกับใบอนุญาตจัดการบริการขนส่งในกิจการฮัจญ์ ที่คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์อนุญาตไว้แก่ผู้ประกอบกิจการฮัจญ์ และให้ย้าย นายอนุชา หะระหนี หัวหน้าฝ่ายกิจการศาสนาอิสลาม กองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา ออกจากตำแหน่ง เพราะเป็นผู้เสนอแนะข้อมูลให้คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์และสร้างปัญหาให้กับวงการฮัจญ์มาตลอด โดยไม่ให้มีบทบาทเกี่ยวข้องกับกิจการฮัจญ์อีกต่อไป
รวมทั้งการเจราเตรียมการฮัจญ์กับทางการซาอุดิอาระเบียให้ขอจำนวนผู้ไปประกอบพิธีฮัจญ์ชาวไทยตามจำนวนผู้แสวงบุญที่แจ้งความประสงค์ผ่านผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ เมื่อได้จำนวนผู้แสวงบุญประจำปี 2554 จากทางการประเทศซาอุดิอาระเบียมาเท่าใด ให้คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยขอเพิ่มจำนวนผู้ไปประกอบพิธีฮัจญ์ชาวไทยต่อทางการประเทศซาอุดิอาระเบียโดยด่วน ตามจำนวนผู้แสวงบุญที่ลงทะเบียน
รวมถึงจำนวนผู้แสวงบุญ ที่ได้รับการจัดสรรจากทางการประเทศซาอุดิอาระเบียให้จัดสรรให้แก่ผู้แสวงบุญชาวไทยที่แจ้งความประสงค์ผ่านผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์เท่านั้น ในส่วนของหน่วยงานราชการหรือองค์กรใดๆ ให้ขอจำนวนผู้แสวงบุญจากทางการซาอุฯโดยตรง เพื่อมิให้เบียดเบียนสิทธิของผู้ไปประกอบพิธีฮัจญ์ เป็นต้น
ขณะที่ในวันเดียวกันนี้ทางผู้สมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ภาคใต้และภาคกลางได้บอยคอตไม่เข้าร่วมประชุมสัมมนาผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ ที่กรมการศาสนาจัดขึ้นที่โรงแรมบีพีแกรนด์ทาวเวอร์ ระหว่างวันที่ 26-27ก.พ. เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับมติดังกล่าวเพราะถือว่าไม่ชอบธรรม และสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องมุสลิมทั่วประเทศที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ พร้อมกับมีการจัดการประชุมสมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ภาคใต้และภาคกลาง เพื่อชี้แจงการลงทะเบียนผู้แสวงบุญปี 54และผลกระทบการทำงานของบริษัทและผู้นำกลุ่มขึ้นเองที่โรงแรมโฆษิต
นายอิบรอเหม อาดำ นายกสมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ภาคใต้ เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่28 ก.พ.นี้ทางสมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ และสมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ภาคใต้ จะเข้ายื่นเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว และระงับมติคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย เพราะพิจารณาแล้วว่าเป็นมติที่สร้างปัญหาให้แก่วงการฮัจญ์ของไทย และสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ไปประกอบพิธีฮัจญ์
พร้อม เรียกร้องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผู้รับผิดชอบ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย และนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับการดูแลนโยบายของประเทศ เร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้อง เพราะมติดังกล่าวมีนัยยะแอบแฝงเกี่ยวกับการแสวงหาผลประโยชน์กับผู้แสวงบุญ หากข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนองทางสมาคมฮัจญ์ฯจะยกระดับการเรียกร้องขั้นเด็ดขาด เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้แสวงบุญไทย
ทั้งนี้ มีรายงานว่าหากการเรียกร้องไม่เป็นผลทางสมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ และสมาคมผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ ภาคใต้ จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ประเด็นทางการเมือง โดยจะให้ข้อมูลกับทางฝ่ายค้านเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของมติดังกล่าว เนื่องจากมีผู้ได้รับผลประโยชน์แอบแฝงจำนวนมหาศาล ขณะเดียวกันอาจจะมีการรวมตัวเพื่อปักหลักชุมนุมประท้วงที่หน้ารัฐสภาด้วย
