นราธิวาส - ทหารแจงปืนที่ถูกปล้นจากฐานมะรือโบตก ยึดคืนได้ 3 กระบอก ยันจัดชุดไล่ล่าบน 3 เทือกเขา ก่อนชี้โจรปล้นร้านทองโก-ลกไร้อุดมการณ์สิ้นดี
เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) ที่ห้องประชุม หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ต.อุทิศ สุนทร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เป็นประธานแถลงข่าวผลการปฏิบัติด้านยุทธการของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ในห้วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.54 ถึงปัจจุบัน ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเหตุปล้นปืนจากค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาสเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547
โดยครั้งนี้กลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK บุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.15121 บ.มะรือโบ ม.1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 19 ม.ค.54 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 เสียชีวิตคาฐานพร้อมลูกน้องรวม 4 ศพ โดยหลังก่อเหตุกลุ่ม RKK ได้ปล้นปืนจากคลังแสงของฐานดังกล่าวไปด้วยรวม 60 กระบอก พร้อมกระสุนอีก 8,000 นัด
ทั้งนี้ พล.ต.อุทิศ ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวถึงยุทธการเชิงรุกที่ได้ร่วมกับกองกำลังผสม ตำรวจและฝ่ายปกครองในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส ว่า จากการปฏิบัติในแนวทางเชิงลึกที่สืบทราบจากสายข่าวและรับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้นำไปสู่การกดดันไล่ล่าเป้าหมายต้องสงสัยในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง, แว้ง, ศรีสาคร, บาเจาะ, เจาะไอร้อง, รือเสาะ, ระแงะ และสุไหงโก-ลก โดยสามารถวิสามัญแกนนำ RKK ได้ 4 ศพ ได้แก่ นายฮารง หะ, นายอาเซ็ง อาบู, นายฮารง อาแว และนายมะซอและ นิแม ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้จำนวน 112 คน รวมทั้งตรวจยึดของกลางที่เป็นอุปกรณ์ป่วนใต้ทั้งหมด 15 ครั้ง รวม 380 รายการ อาทิ อาวุธปืนชนิดต่างๆ ทั้งปืนสงครามและพกสั้นรวม 39 กระบอก พร้อมกระสุนจำนวนมาก อุปกรณ์ประกอบระเบิด เครื่องยังชีพ เครื่องนุ่งห่ม อีกทั้งสามารถทลายฐานปฏิบัติการของกองกำลังติดอาวุธ RKK จำนวน 5 แห่ง
โดยในส่วนของอาวุธปืนที่ตรวจยึดคืนมาได้ทั้ง 39 กระบอก จากการตรวจสอบโดยชุดนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า มี 3 กระบอกที่มีหมายเลขประจำปืนชัดเจน ได้แก่ ปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอกและปืนกลอูซี่ 1 กระบอก โดยเป็นปืนที่ถูกปล้นไปจากฐาน ร้อย ร.15121 ต.มะรือโบตก และถูกนำไปใช้ก่อเหตุในพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง
ขณะเดียวกันทางด้านกลุ่มผู้ลงมือก่อเหตุบุกโจมตีฐานมะรือโบตกนั้น พล.ต.อุทิศ ผบ.ฉก.นราธิวาสเปิดเผยว่า มีการเชื่อมโยงระดับแกนนำสั่งการและปฏิบัติการทั้งหมด 7 กลุ่มที่เคลื่อนไหวรับผิดชอบในพื้นที่ อ.ระแงะ รือเสาะ ยี่งอ บาเจาะ ศรีสาคร รวมทั้งอำเภอในพื้นที่ จ.ปัตตานีและยะลาที่เป็นเขตรอยต่อกับนราธิวาสอีกด้วย ซึ่งขณะนี้กองกำลังผสม จ.นราธิวาสได้มีการประสานร่วมขอความร่วมมือกับอีก 2 จังหวัดเพื่อแกะรอยกลุ่มคนร้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตามแนวเทือกเขาทั้งบูโด เมาะแตและตะเว ที่ใช้เป็นที่กบดานและซุกซ่อนปืนที่เหลืออีก 57 กระบอก โดยกองกำลังเดินเท้าใช้เครื่องเอ็กซเรย์พื้นที่ รวมทั้งสุนัขสงครามดมกลิ่น ซึ่งคาดว่าจากความพยายามที่ไม่มีขีดจำกัดของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ผนึกกับความร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่ จะสามารถนำไปสู่การจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุและผู้ไม่หวังดีได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีเหตุกลุ่มคนร้ายบุกปล้นร้านทองเลี่ยวอา กลางเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อช่วงสายของวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ทาง ผบ.ฉก.นราธิวาสกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า ถึงแม้จะเป็นกลุ่มเดียวกับที่บุกโจมตีฐานมะรือโบตกก่อนปล้นปืนไปนั้นก็ตาม แต่เท่าที่ประเมินสถานการณ์จากการที่หลังก่อเหตุบุกปล้นร้านทองแล้วคนร้ายได้ทิ้งปืนทั้ง 9 กระบอกไว้ในป่าสวนยางพารา ม.2 บ.กูวาเขยง ต.เอราวัณ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ทำให้เชื่อว่าเป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ขาดวินัยและไม่มีอุดมการณ์ ทำไปเพื่อผลประโยชน์เท่านั้นเอง ที่สำคัญหากเป็นกลุ่มที่มีอุดมการณ์ชัดเจนจะไม่ปฏิบัติการที่มุ่งต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนเพียงอย่างเดียว เพราะเจ้าหน้าที่คือเป้าหมายที่สำคัญกว่าของฝ่ายตรงข้าม
เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) ที่ห้องประชุม หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ต.อุทิศ สุนทร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เป็นประธานแถลงข่าวผลการปฏิบัติด้านยุทธการของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ในห้วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.54 ถึงปัจจุบัน ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเหตุปล้นปืนจากค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาสเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547
โดยครั้งนี้กลุ่มกองกำลังติดอาวุธ RKK บุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย ร.15121 บ.มะรือโบ ม.1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 19 ม.ค.54 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 เสียชีวิตคาฐานพร้อมลูกน้องรวม 4 ศพ โดยหลังก่อเหตุกลุ่ม RKK ได้ปล้นปืนจากคลังแสงของฐานดังกล่าวไปด้วยรวม 60 กระบอก พร้อมกระสุนอีก 8,000 นัด
ทั้งนี้ พล.ต.อุทิศ ผบ.ฉก.นราธิวาส กล่าวถึงยุทธการเชิงรุกที่ได้ร่วมกับกองกำลังผสม ตำรวจและฝ่ายปกครองในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส ว่า จากการปฏิบัติในแนวทางเชิงลึกที่สืบทราบจากสายข่าวและรับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้นำไปสู่การกดดันไล่ล่าเป้าหมายต้องสงสัยในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง, แว้ง, ศรีสาคร, บาเจาะ, เจาะไอร้อง, รือเสาะ, ระแงะ และสุไหงโก-ลก โดยสามารถวิสามัญแกนนำ RKK ได้ 4 ศพ ได้แก่ นายฮารง หะ, นายอาเซ็ง อาบู, นายฮารง อาแว และนายมะซอและ นิแม ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้จำนวน 112 คน รวมทั้งตรวจยึดของกลางที่เป็นอุปกรณ์ป่วนใต้ทั้งหมด 15 ครั้ง รวม 380 รายการ อาทิ อาวุธปืนชนิดต่างๆ ทั้งปืนสงครามและพกสั้นรวม 39 กระบอก พร้อมกระสุนจำนวนมาก อุปกรณ์ประกอบระเบิด เครื่องยังชีพ เครื่องนุ่งห่ม อีกทั้งสามารถทลายฐานปฏิบัติการของกองกำลังติดอาวุธ RKK จำนวน 5 แห่ง
โดยในส่วนของอาวุธปืนที่ตรวจยึดคืนมาได้ทั้ง 39 กระบอก จากการตรวจสอบโดยชุดนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า มี 3 กระบอกที่มีหมายเลขประจำปืนชัดเจน ได้แก่ ปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอกและปืนกลอูซี่ 1 กระบอก โดยเป็นปืนที่ถูกปล้นไปจากฐาน ร้อย ร.15121 ต.มะรือโบตก และถูกนำไปใช้ก่อเหตุในพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง
ขณะเดียวกันทางด้านกลุ่มผู้ลงมือก่อเหตุบุกโจมตีฐานมะรือโบตกนั้น พล.ต.อุทิศ ผบ.ฉก.นราธิวาสเปิดเผยว่า มีการเชื่อมโยงระดับแกนนำสั่งการและปฏิบัติการทั้งหมด 7 กลุ่มที่เคลื่อนไหวรับผิดชอบในพื้นที่ อ.ระแงะ รือเสาะ ยี่งอ บาเจาะ ศรีสาคร รวมทั้งอำเภอในพื้นที่ จ.ปัตตานีและยะลาที่เป็นเขตรอยต่อกับนราธิวาสอีกด้วย ซึ่งขณะนี้กองกำลังผสม จ.นราธิวาสได้มีการประสานร่วมขอความร่วมมือกับอีก 2 จังหวัดเพื่อแกะรอยกลุ่มคนร้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตามแนวเทือกเขาทั้งบูโด เมาะแตและตะเว ที่ใช้เป็นที่กบดานและซุกซ่อนปืนที่เหลืออีก 57 กระบอก โดยกองกำลังเดินเท้าใช้เครื่องเอ็กซเรย์พื้นที่ รวมทั้งสุนัขสงครามดมกลิ่น ซึ่งคาดว่าจากความพยายามที่ไม่มีขีดจำกัดของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ผนึกกับความร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่ จะสามารถนำไปสู่การจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุและผู้ไม่หวังดีได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีเหตุกลุ่มคนร้ายบุกปล้นร้านทองเลี่ยวอา กลางเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อช่วงสายของวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ทาง ผบ.ฉก.นราธิวาสกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า ถึงแม้จะเป็นกลุ่มเดียวกับที่บุกโจมตีฐานมะรือโบตกก่อนปล้นปืนไปนั้นก็ตาม แต่เท่าที่ประเมินสถานการณ์จากการที่หลังก่อเหตุบุกปล้นร้านทองแล้วคนร้ายได้ทิ้งปืนทั้ง 9 กระบอกไว้ในป่าสวนยางพารา ม.2 บ.กูวาเขยง ต.เอราวัณ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ทำให้เชื่อว่าเป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ขาดวินัยและไม่มีอุดมการณ์ ทำไปเพื่อผลประโยชน์เท่านั้นเอง ที่สำคัญหากเป็นกลุ่มที่มีอุดมการณ์ชัดเจนจะไม่ปฏิบัติการที่มุ่งต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนเพียงอย่างเดียว เพราะเจ้าหน้าที่คือเป้าหมายที่สำคัญกว่าของฝ่ายตรงข้าม