พัทลุง - พ่อค้ารับที่เข้าไปรับซื้อไม้ยางพาราที่ได้รับความเสียหายจากเหตุพายุพัดถล่มในพื้นที่ ต.เกาะหมาก-เกาะนางคำ ได้รับความเดือดร้อนหนัก ตำรวจตั้งด่านจับปรับคันละ 100 บาท/เที่ยว จนไม่สามารถขนย้ายไม้ออกขายโรงงาน
วันนี้ (7 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ผู้ประกอบรับซื้อไม้ยางพาราจำนวน 50 รายที่เดินทางเข้าไปรับซื้อไม้ยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนที่ถูกพายุพัดถล่มเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ ต.เกาะหมาก และ ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ตั้งด่านตรวจจับปรับ ผู้ประกอบการที่บรรทุกไม้ยางพาราออกจากเกาะไปส่งขายโรงงานแปรรูป ทั้งวันทั้งคืน ซึ่งหากรายใดไม่จ่ายเงินในแต่ละเที่ยวให้ก็จะยึดรถ จนกว่าจะเคลียร์กันแล้วเสร็จ
โดยผู้ประกอบการพ่อค้ารับซื้อไม้ยางพารารายหนึ่งเปิดเผยว่า ตนและพ่อค้ารายอื่นรวมกว่า 50 ราย เดินทางเข้ามารับซื้อไม้ยางพาราของเกษตร ในพื้นที่ ต.เกาะหมาก ต.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน ที่ถูกพายุพัดถล่มจนได้รับความเสียหาย หลังจากวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา เกือบ 5เดือนเต็ม สามารถนำไม้ยางพาราที่โค่นล้มออกได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ ทั้งนี้เนื่องจากการทำไม้มีอุปสรรคมากกว่าการโค่นล้มปกติ และยิ่งนานไม้ยางพาราที่โค่นล้มก็เริ่มแห้งเสียหาย ขายเป็นไม้ฟืนเท่านั้น ไม่สามารถขายเป็นไม้เกรดเอได้ และยิ่งนานวันก็ยิ่งเดือดร้อนเข้าไปอีก
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากพะยูน และ สภ.เกาะนางคำ ใช้มาตรการตั้งด่านตรวจจับเฉพาะรถบรรทุกไม้ยางพารา ที่บรรทุกไม้ยางออกไปขายในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยการขอปรับเที่ยวละ100 บาท ต่อคันต่อเที่ยว ซึ่งในแต่ละวันมีรถบรรทุกไม้ยางพาราวิ่งออกไม่ต่ำกว่า 180 เที่ยว แต่ละคันสามารถบรรทุกได้ถึง 3 เที่ยว ก็โดนปรับไป 300 บาทต่อคัน ทำให้ต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้นมาอีก นอกเหนือจากน้ำมันขึ้นราคาค่าบรรทุกแล้ว ต้องมาเสียให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกรอบหนึ่งด้วย ทั้งที่พ่อค้ารับซื้อไม้ยางพาราที่เดินทางเข้ามารับซื้อนั้น เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยอีกทางหนึ่ง
ซึ่งตนยอมรับว่าการที่นำรถยนต์ มาบรรทุกไม้ยางของพ่อค้านั้นเป็นรถยนต์สภาพเก่า และติดอุปกรณ์ไม่พร้อม เพื่อสะดวกในการใช้งาน โดยอยากเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยผ่อนปรนและเห็นใจบ้าง เพราะต้องเร่งระบายไม้ออกโดยเร็ว ก่อนที่ไม้จะได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้
